น้ำมันโลกป่วน‘หุ้นไทย’ โบรกฟันธงดัชนีไซด์เวย์
หุ้นไทยผันผวนหนัก หลังดัชนีร่วง 17.42 จุดในช่วงเช้า ก่อนมีแรงซื้อเข้ามาในช่วงบ่าย หนุนดัชนี ติดลบเพียง 0.40 จุด โบรกฯ แนะหาจังหวะทยอยสะสมหุ้น หลังเห็นสัญญาณไซด์เวย์ดาวน์ต่อเนื่อง
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้(9ก.ย.) ผันผวนรุนแรง โดยช่วงเช้ามีแรงเทขายออกมาอย่างหนักในหุ้นกลุ่มพลังงาน นำโดย บมจ.ปตท.(PTT) และ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) ซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ปรับลดลงแรงจนต่ำกว่าระดับ 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลครั้งแรกในรอบ 3 เดือน
นอกจากนี้การซื้อขายในช่วงเช้าของวานนี้ยังโดนแรงกดดันจากข่าวการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ที่อาจดีเลย์ออกไป หลังAstraZeneca ได้แจ้งระงับการทดลองวัคซีนโควิด-19 ขั้นสุดท้าย เนื่องจากพบอาการข้างเคียงรุนแรงจากผู้ทดลองฉีดวัคซีน
อย่างไรก็ตาม ช่วงการซื้อขายภาคบ่ายดัชนีสามารถรีบาวด์กลับขึ้นมาได้ โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่า เป็นการรีบาวด์ทางเทคนิค หลังจากดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงถึง 40 จุดในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา ส่งผลให้ดัชนีกลับปิดตลาดที่ 1,293.40 จุด ลดลง 0.40 จุด มูลค่าการซื้อขาย 47,500 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1,276 จุด ลดลง 17.42 จุด
ส่วนนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิจำนวน 812 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 73.30 ล้านบาท
นายวิกิจ ถิรวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการสายงานวิจัยลูกค้าบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงหลังจากนี้จะอยู่ในภาวะไซด์เวย์ดาวน์ต่อเนื่อง เพราะยังมีแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศ รวมถึงปัจจัยในต่างประเทศที่มีความผันผวนค่อนข้างสูงโดยเฉพาะในช่วงใกล้เลือกตั้งของสหรัฐฯ ประกอบกับปกติแล้วช่วงเดือนก.ย.และต.ค.ของทุกปีเป็นช่วงที่ตลาดมักอึมครึม เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาว (ซัมเมอร์) ของผู้จัดการกองทุนในต่างประเทศ จึงทำให้วอลุ่มการซื้อขายอาจไม่คึกคักมากนัก
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนแนะนำนักลงทุนระยะยาวทยอยซื้อสะสมได้ หากดัชนีฯย่อลงมา เนื่องจากมองว่ารอบของภาวะเศรษฐกิจขาลงเริ่มจบรอบแล้ว ขณะที่นักลงทุนระยะสั้น แนะเก็งกำไรตามรอบตลาดโดยเฉพาะหุ้นในSET 50 ซึ่งหากดัชนีเด้งขึ้น 3-5% แนะนำรีบขายทำกำไรและเข้าซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว
นายกรภัทร วรเชษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล. โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงไซด์เวย์ถึงไซด์เวย์ดาวน์ เนื่องจากตลาดยังขาดปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามากระตุ้นการลงทุนประกอบกับยังมีแรงกดดันจากปัจจัยในต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าช่วงนี้ดัชนีฯน่าจะแกว่งในกรอบ 1,270-1,301 จุด
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก