ห้องเม่าปีกเหล็ก

หุ้นสื่อค่ายใหญ่ของไทย กับจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม

โดย หญิงแม้น
เผยแพร่ :
70 views

หุ้นสื่อค่ายใหญ่ของไทย กับจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม

การฟื้นตัวของภาคการบริโภคภายในประเทศเริ่มมีทิศทางที่จะฟื้นตัวขึ้นได้บ้างหลังจากที่ภาครัฐเริ่มคลายล็อกดาวน์ต่างๆตามแผนที่วางไว้หลังจากการทยอยฉีดวัคซีนโควิด19 ที่คาดว่าก่อนสิ้นปีนี้คนไทยจะฉีดวัคซีนได้ในสัดส่วน 70% ของประชากรทั่วประเทศ จึงทำให้กำลังซื้อเริ่มฟื้นตัวเริ่มมารจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น และงบโฆษณาจะเริ่มกลับมาได้ดีขึ้นหลังจากนี้ เพราะก่อนหน้านี้ที่เกิดวิกฤติทุกๆครั้ง งบโฆษณาจะเป็นส่วนแรกที่หลายองค์กรต้องชะลอหรือตัดออกจากงบลงทุนต่างๆ


โดยข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมโฆษณาระบุว่า ทิศทางอุตสาหกรรมโฆษณาช่วงโค้งสุดท้ายของปี 64 จากปัจจัยบวกเล็กน้อยการเปิดประเทศในเดือนพ.ย. เพราะการผ่อนคลายมาตรการกิจการต่างๆ กลับมาเปิดได้ปกติ และอัตราการฉีดวัคซีนเข็มสอง 70% ภายในสิ้นปีรวมถึงเร่งฉีดเข็ม 3 ให้ได้มากที่สุด ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้ธุรกิจและผู้บริโภคออกมาจับจ่ายในช่วงปลายปีนี้


สำหรับแนวโน้มปี 65 อุตสาหกรรมโฆษณาจะฟื้นตัวได้ กลับมาเติบโต 15% ซึ่งตัวเลขการเติบโตสองหลักในปีหน้านั้นมาจากฐานต่ำในช่วงโควิดปี 2563 และ 2564 ที่เป็น New Low ในช่วง 20 ปีของอุตสาหกรรมโฆษณา ส่วนบริษัท นีลเส็น ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยมูลค่าเม็ดเงินโฆษณาช่วงม.ค.ถึงต.ค.64 ว่า เพิ่มขึ้น1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วโดยมูลค่า ซึ่งสื่อทีวียังคงเป็นสื่อที่มีสัดส่วนของการใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดอยู่ที่ 60%


ดังนั้นจะสะท้อนมายังหุ้นสื่อโทรทัศน์ที่ได้รับอานิสงส์จากการที่เม็ดเงินโฆษณาเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ในระดับที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่อง และภาพรวมต่อจากนี้ไปจนข้ามไปในปี 65 ก็ยังลักษณะที่ฟื้นตัวได้อย่างเช่นเดียวกัน ซึ่งหุ้นสื่อโทรทัศน์เจ้าใหญ่ของตลาดหุ้นที่นักลงทุนรู้ๆกันอยู่แล้วนั้นประกอบไปด้วย

บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE

บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน)  หรือ BEC

บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK



จังหวะและโอกาสที่เหมาะสม

เกริ่นกันไปเยอะแล้วสำหรับปัจจัยบวกและภาพรวมของอุตสาหกรรมโฆษณา จากนี้ไปเราจะพานักลงทุนไปเจาะลึกพื้นฐานของหุ้นในกลุ่มสื่อโทรทัศน์ว่าจะมีผลงานที่ออกมาเป็นอย่างไรและแนวโน้มงบสิ้นปี 64 จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่เท่าไหร่ รวมถึงโอกาสทางธุรกิจ และภาพรวมคำทำนายแนวโน้มกำไรสุทธิในปี 65 อีกทั้งจับจังหวะไหนที่ควรจะเข้าลงทุนจากเหล่าคำแนะนำนักวิเคราะห์และราคาเป้าหมายในระยะถัดไป


เริ่มกันที่ ONEE บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินเอาไว้อย่างน่าสนใจมาก โดยมองว่าในปี2565 กำไรจะเติบโตดีต่อเนื่อง 31% จากปี 64  เป็น 1,124 ล้านบาท เพราะรับผลบวกจากอุตสาหกรรมโฆษณาจะฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติ การผลิตรายการของบริษัทจะกลับมาเป็นปกติซึ่งจะทำให้มีคอนเทนท์เพิ่มมากขึ้นและกิจกรรมการตลาดต่างๆ จะกลับมาจัดได้ คาดว่ารายได้จากการขายลิขสิทธ์คอนเทนต์ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง


โดยรวมแล้วนักวิเคราะห์มองว่าธุรกิจของ ONEE ผ่านช่วงที่แย่สุดไปแล้ว จากการแข่งขันที่รุนแรงของช่องทีวีดิจิทัลตั้งแต่ปี 2556 โดย ONEE ถือว่าเป็นบริษัทที่มีการปรับตัวได้ดี ทั้งการปรับโครงสร้างองค์กร และปรับกลยุทธ์ธุรกิจ รองรับอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปจาก Digital Disruption ซึ่งพบว่าผลประกอบการ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2561-2563) เติบโตโดดเด่นเหนือคู่แข่งบริษัทมีกำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องซึ่งคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย CAGR ที่ 201%


สำหรับการประเมินมูลค่าพื้นฐาน ONEE ปี65 ที่ 12.50 บาท โดยวิธีDCF อิงสมมติฐาน WACC ที่ 8.6% ซึ่งมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ในปี 65 จะเติบโตโดดเด่นตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม ขณะที่แนวโน้ม 3 ปีข้างหน้าเติบโตต่อเนื่อง เฉลี่ย CAGR 10% ต่อปี และเงินได้จาก IPO จะนำไปขยายการลงทุน หนุนการเติบโต และคืนหนี้เงินกู้ ช่วยให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลง มีแผนจะล้างขาดทุนสะสม คาดกลับมาจ่ายปันผลได้


มาต่อกันที่ BEC บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด สรุปประเด็นการลงทุน คือยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ประเด็น 1) ภาพรวมสื่อโฆษณาในไตรมาส 4/64 เริ่มฟื้นตัวหลังคลายล็อกดาวน์ส่งผลต่อการใช้โฆษณาเริ่มฟื้นตัว 2) บริษัทคาดรายได้ปีหน้ายังเติบโตต่อเนื่องสองหลักและมีแผนขยายธุรกิจต่อยอดธุรกิจเดิม 3) เราปรับประมาณการเพิ่มขึ้นเพราะมีอัตราการใช้สื่อโฆษณาเพิ่มขึ้น ผลประกอบการปีนี้เติบโตเป็นกำไรสุทธิจากปีที่ผ่านมาขาดทุน และปีหน้าเติบโตได้ 49% จากอัตราการใช้สื่อโฆษณาและการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ผ่าน Digital Platform ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 16.5 บาท


ปิดท้ายเรื่องกันที่หุ้น WORK บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองแนวโน้มไตรมาส 4/64 รายได้จะพื้นตัวจากไตรมาส 3/64 และปีก่อนเนื่องจากการคลาย lockdownทำให้บริษัทกลับมาถ่ายทำรายการได้ปกติ ส่วนปัญหาพนักงานติด COVID-19 ก็หายเป็นปกติแล้ว ด้วยมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น


ส่วนธุรกิจอื่นๆเช่นอีเว้นท์และงานแสดงคาดว่าจะเริ่มกลับเข้ามาปลายปี ด้านแนวโน้มประสิทธิภาพในการทำกำไรคาดดีขึ้นจากปีก่อน เพราะมีมาตรการควบคุมต้นทุน คงประมาณการกำไรปี 64 ที่ 417 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 162% คงคำแนะนำ "ซื้อ” เรามองว่าผลประกอบการสะดุดในระยะสั้น แต่จะเริ่มกลับมาฟื้นตัวในไตรมาส 4 และภาพรวมปี 64 -65 เราคาดกำไรเดิบโตต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าเด่นกว่าอุตสาหกรรม คงมูลค่าพื้นฐานปี 2565 ที่ 27.00 บาท

 


หญิงแม้น