เอเซีย พลัส มองหุ้นไทยเดือนก.ย.เข้าสู่โหมดแจ่มใส อัพเป้า SET สิ้นปีนี้ 1,730 จุด
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส ออกบทวิเคราะห์มุมมองและกลยุทธ์การลงทุนประจำเดือนกันยายน
ประเมินหุ้นไทย( SET Index)เข้าสู่โหมดแจ่มใสโดยความเสี่ยงต่างๆ เริ่มอยู่ในกรอบจํากัด พร้อมกับเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของปัจจัยพื้นฐาน และกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย (ฟันด์โฟลว์) ที่ชัดเจน ดังนี้
ความเสี่ยงในกรอบจํากัด เริ่มจากความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ สงครามรัสเซีย-ยูเครน คาดตลาดการเงินดูดซับพัฒนาการของเหตุการณไ์ว้ในราคาแล้วเป็นส่วนใหญ่ และสถานการณ์ช่องแคบไต้หวันตามความเห็นของนักวิชาการ ยังมีความเห็นไปในทางเดียวกันว่าพัฒนาการไม่น่านําไปสู่กรณีที่จีนใช้กําลังเข้าไปยึดครองไต้หวัน
ส่วนแรงกดดันจากนโยบายการเงินตึงตัวจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของ ธนาคารกลางสหรัฐ ฯ(เฟด)ตลาดคาดจะอยู่ระดับ 4% ช่วงปลายปีแต่ประเด็นนี้กําลังผ่านจุดสูงสุดและน่าจะคลายตัวลง ท้ังจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลักปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ยุโรป หรือจีน นําไปสู่การใช้นโยบายการเงินตึงตัวลดลง อีกประเด็นคือ ติดตามความคืบหน้าประเด็นQTอาจกดดันให้ตลาดผันผวนได้ในบางช่วงเวลา
ส่วนประเด็นสัญญาณการฟื้นตัวของ ปัจจัยพื้นฐานและฟันด์โฟลว์ที่ชัดเจน เริ่มจากภาพเศรษฐกิจไทยเห็นสัญญาณการฟื้นตัวต่อในช่วง 2H65 คาดไม่ต่ำกว่า 3.6%YoY ภายใต้ศรษฐกิจไทยจะเติบโตสูงกว่า 3% ตามที่หลายฝ่ายได้ตั้งเป้าหมายไว้ หลักๆ มาจากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบซึ่งจะเป็นตัวสร้างกิจกรรมเศรษฐกิจให้กลับเข้าสภู่าวะปกติ เฉพาะอย่างยิ่งในภาคท่องเที่ยวและบริการ สวนทางกับเศรษฐกิจใน กลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ที่บางประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอย( Recession) บาง ประเทศผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) รายไตรมาสเริ่มติดลบและบางประเทศส่งสัญญาณการชะลอตัวชัดเจน
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่าจากสภาวะตลาดหุ้นไทยดูมีเสน่ห์มากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง หนุนให้ฝ่ายวิจัยฯปรับระดับ Market Earning Yield Gap ที่ใช้กําหนดเป้าหมายดัชนีจาก 4.4% มาเป็น 4.2%(ค่าเฉลี่ยในอดีต) หรือปรับเพิ่มระดับ P/E ตลาดเป็น 18 เท่า (ภายใต้ดอกเบี้ยปลายปีที่ 1.25%)
ถัดมาคือ ผลประกอบการบริษัทจด ทะเบียนงวด2Q65ที่สร้างจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับราว 3.5 แสนล้านบาท นําไปสู่การปรับประมาณการกําไรสุทธิปี 2565 ขึ้นเป็น 1.17 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น EPS65F ที่ 96.1 บาท/หุ้น (เติบโตจากปีก่อน 11.7%) ซึ่งทั้ง 2 ส่วนหนุนให้เป้าหมาย SET Index ณ สิ้น ปี 2565 อยู่ที่ 1,730 จุด
จากภาวะที่กล่าวมาท้ังหมด บล.เอเซีย พลัส เชื่อว่าน่าจะขับเคลื่อนให้ฟันด์โฟลว์ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยต่อ อีกทั้งปัจจุบันสัดส่วนการถือครองหุ้นไทยทางตรงจากต่างชาติยังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติไม่ถึง 22% มีช่องว่าง ให้ไหลเข้ามาได้อีก หรือยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 26.2% อีกท้ังในอดีต 9 ปี ที่แล้วต่างชาติยังเคยถือครองสูงถึง 30.2%
สำหรับหุ้นแนะนำกำไรเด่น TIDLOR, M, HMPRO, CK, CKP, PLANB และ SCB