ห้องเม่าปีกเหล็ก

“ช.การช่าง” หรือ CK

โดย ฉลุย
เผยแพร่ :
731 views

“ช.การช่าง” หรือ CK

บริษัทรับเหมาแถวหน้าของไทย

กับโอกาสคว้างานใหญ่ ดัน Backlog ทุบสถิติสูงสุด

.

บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างแนวหน้าของประเทศไทย โดยนับจากต้นปีถึงวันที่ 4 ก.ค.2566 ราคาหุ้นปิดลบไปกว่า 17.70% เปรียบเทียบหมวดอุตสาหกรรมที่ปิดบวก 5.68%

.

แต่ในแง่ของปัจจัยพื้นฐาน ถือเป็นหนึ่งหุ้นที่นักวิเคราะห์ประเมินเป็นเสียงเดียวกันว่าจะได้รับผลดี เมื่อการจัดตั้งรัฐบาลมีความชัดเจน เนื่องจากมีโอกาสที่จะเห็นการประมูลงานโครงการขนาดใหญ่กลับมาเดินหน้าอีกครั้ง

.

ราคาหุ้น CK ปรับลดลงมากเกินไป โดยแนวโน้มผลประกอบการปี 2566/67 คาดจะเติบโตสูง เพราะได้แรงหนุนจากการเติบโตของบริษัทลูก และ งานใหม่ที่ได้ลงนาม ไม่ว่าจะเป็น งานก่อสร้างโยธา โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำหลวงพระบาง ทำ ให้งานในมือ (Backlog) ทำสถิติสูงสุดใหม่ และมีแนวโน้มได้งานเพิ่มจากโครงการของบริษัทลูก

.

สะท้อนจากมุมมองมุมมองนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมิน CK ราคาหุ้น CK ปรับลดลงมากเกินไป ซึ่งประเมินว่าแนวโน้มผลประกอบการปี 2566/67 คาดจะเติบโตสูง โดยสิ้นปี 2565 มี Backlog กว่า 55,687 ล้านบาท ล่าสุด ได้โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำหลวงพระบาง (LPCL) มีงานก่อสร้างโยธาประมาณ 99,788 ล้านบาท จะทำให้ Backlog CK เพิ่มเป็น 149,353 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่

.

รวมทั้งอนาคตมีแนวโน้มจะได้งานเพิ่มจากบริษัทลูก เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม 1.27 แสนล้านบาท ซึ่ง BEM ชนะการประมูลแล้วรอรัฐบาลชุดใหม่อนุมัติ รวมทั้งโครงการทางด่วน 2 ชั้น งามวงศ์วาน – พระรามเก้า 3.5 หมื่นล้านบาท และ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้งาน M&E 2.7 หมื่นล้านบาท ทำให้ Backlog เพิ่มขึ้นมากกว่า 3 แสนล้านบาท เข้าสู่ New S-Curve

.

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการปี 2566 คาดรายได้ 27,500 ล้านบาท เติบโต 52% หลังจากนั้นปี 2567 คาดรายได้ 30,000 ล้านบาท เติบโต 9% โดยแรงหนุนจากโครงการโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง 9.9 หมื่นล้านบาท ที่ใช้ระยะเวลาก่อสร้างอีก 7 ปี และ ยังได้แรงหนุนจากส่วนแบ่งกำไรของ BEM ที่เติบโตสูง ทำให้กำไรปี 2566 เท่ากับ 1,655 ล้านบาท เติบโต 88% และ ปี 2567 เท่ากับ 2,017 ล้านบาท เติบโต 22% จากปีก่อนหน้า จึงคงแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 25.4 บาท

.

ในส่วนของความกังวลเรื่องค่าแรงขั้นต่ำนั้น นักวิเคราะห์ค่ายดังกล่าวประเมินว่า ปี 2565 CK มีพนักงานทั้งหมด 5,460 คน มีค่าใช้จ่ายพนักงานรวม 1,675 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 9% ของต้นทุนและค่าใช้จ่ายรวม โดยจะมีพนักงานรายวันจำนวน 880 คน ถ้าสมมติมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจาก 353 บาท/วัน เป็น 450 บาท/วัน หรือ ปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 100 บาท/วัน จะมีค่าใช้จ่ายด้านแรงงานที่เพิ่มขึ้นเท่ากับ 26.4 ล้านบาทบาท คิดเป็นเพียง 0.14% ของต้นทุนก่อสร้างและค่าใช้จ่ายอื่นรวม ซึ่งได้รับผลกระทบเล็กน้อย

.

ทั้งนี้ CK ถือเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่มีโอกาสรับงานขนาดใหญ่ของภาครัฐ ที่จะทำให้งานในมือปรับตัวสูงขึ้นอีกด้วย สะท้อนจากมุมมองนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ประเมิน Backlog ของ CK จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ประมาณ 2.50 แสนล้านบาท จาก megaproject สองโครงการ ได้แก่ 1. รถไฟฟ้าสายสีส้มมูลค่า 1.27 แสนล้านบาท และ 2. โรงไฟฟ้าหลวงพระบางมูลค่า 8.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ภายในปีนี้

.

CK ประเมินว่ารายได้เฉลี่ย 3 หมื่นล้านบาทต่อปี โดยประมาณการของบริษัทสอดคล้องกับเป้าหมาย Backlog ที่ 2.5 แสนล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในอีก 8 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นของ megaproject อย่างเช่น รถไฟฟ้าสายม่วงและสายสีส้มจะอยู่ที่ 7-8% ต่ำกว่าอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในปี 2565 ที่ 9% ในขณะที่อัตรากำไรสุทธิของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอาจจะอยู่ที่ 3-4%

.

ดังนั้นประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 เท่ากับ 1.87 พันล้านบาท เติบโตโดดเด่นกว่า 69%จากปีก่อน จึงแนะนำ “ซื้อ” กำหนดราคาเป้าหมาย 27.00 บาท โดยได้แรงหนุน 3 ปัจจัย ได้แก่ 1. Backlog มีคุณภาพดี 2. มีโอกาสจะได้งานใหม่เพิ่มอีก และ 3.รายได้จากเงินปันผลและส่วนแบ่งกำไรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

 

 


ฉลุย