JP Morgan ปรับราคาเป้าหมาย กลุ่มปตท. สูงกว่าโบรกฯไทย
ตลาดหุ้นไทยแม้จะมีการปรับตัวขยับขึ้นลงตามจังหวะในแต่ละช่วงที่มีการแกว่งตัวบ้างก็ตาม ภาพของตลาดหุ้นเช่นที่ว่านี้ นักลงทุนที่มีประสบการณ์ และสามารถเล็งเห็นกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี ก็สามารถจะตักตวงทำกำไรจากตลาดหุ้นได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ แต่ในขณะเดียวกันนักลงทุนที่เข้าออกหุ้นผิดจังหวะ ผิดฝาผิดตัวก็มีสิทธิที่จะพลาดท่าเสียหายจากการลงทุนได้เช่นกัน ดังนั้นการลงทุนช่วงนี้จึงต้องมีการวางแผนวางกรอบการลงทุนให้สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวแกว่งตัวของตลาดให้ได้ใกล้เคียงที่สุด
ในภาพรวมของตลาดหุ้นไทยยามนี้ บรรดาหุ้นที่มีพื้นฐานดี มี Market Cap ใหญ่มีการขับเคลื่อนคึกคักด้วยปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่นทุกวัน โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงาน ล่าสุดมีรายงานจากทาง JP Morgan ในฐานะโบรกเกอร์ต่างชาติ ได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายหุ้นกลุ่มปตท. ได้แก่ PTT, PTTEP และ PTTGC
โดยทาง JP Morgan ได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายหุ้น PTT ขึ้นเป็นระดับ 550 บาท จากเดิม 525 บาท ส่วนหุ้น PTTEP ได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 125 บาท จากเดิม 105 บาท และหุ้น PTTGC ให้ราคาเป้าหมายใหม่เพิ่มเป็น 95 บาท จากเดิม 88 บาท ทั้งนี้ การปรับเพิ่มราคาเป้าหมายหุ้น PTT ของ JP Morgan ในครั้งนี้ ถือเป็นการเพิ่มราคาเป้าหมายสูงกว่าโบรกเกอร์ไทย ที่ให้ไว้สูงสุด 530 บาท อีกด้วย
นอกจากนี้ แนวโน้มผลการดำเนินงานงวดปี 2560 ของ PTT คาดว่ามีโอกาสทำกำไรสุทธิรวม 1 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9.4 หมื่นล้านบาท ด้านหุ้น PTTEP คาดผลการดำเนินงานงวดปี 2560 จะมีกำไรสุทธิ 1.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.2 หมื่นล้านบาท ส่วนหุ้น PTTGC คาดว่าผลการดำเนินงานงวดปี 2560 จะมีกำไรสุทธิ 3.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2.5 หมื่นล้านบาท
เนื่องจากดัชนีมีการปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก ก็อาจเผชิญแรงขายทำกำไรแถวบริเวณ 1,800 จุดได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ไปจะเข้าสู่ช่วงของการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4/60 ว่าจะออกมาดีหรือไม่ ทั้งนี้ ช่วงนี้เริ่มมีการ Preview ผลประกอบการของกลุ่มแบงก์งวดไตรมาส 4/60 ซึ่งจะเป็นกลุ่มแรกที่จะมีการประกาศผลการดำเนินงานออกมา โดยนักวิเคราะห์ก็คาดการณ์ว่าจะเติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และมองว่ากลุ่มแบงก์จะฟื้นตัวได้ดีขึ้นในปี 2561
ภาพการขับเคลื่อนของตลาดหุ้นไทยช่วงเริ่มต้นของปี 2561 ถือว่าเริ่มต้นได้ดูดีทีเดียว แรงซื้อของนักลงทุนที่คาดหวังด้วยปัจจัยพื้นฐาน ด้วยปัจจัยกระทบ ด้วยภาวะเศรษฐกิจ ด้วยความสามารถของบริษัทจดทะเบียน และด้วยนโยบายภาครัฐที่มีออกมาต่อเนื่อง ล้วนแล้วสนับสนุนให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยเดินหน้าต่อไปได้ครับ หากใครที่สามารถเก็บหุ้นเข้าพอร์ตได้ในราคาที่ต่ำ ในหุ้นพื้นฐานดีแล้ว อดทนถือรอเก็บอย่างน้อยก็รอประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4/60 ที่กำลังจะทยอยออกมา หรือจะรอคอยดูงบไตรมาส 1/61 เลยก็ได้ไม่ว่ากันก็น่าที่จะสามารถทำกำไรจากหุ้นที่ถือเอาไว้กันได้อย่างงดงามเลยทีเดียว
ตลาดหุ้นในปี 2561 นี้ ก็ยังเชื่อเช่นเดิมครับว่าไม่ได้มีอะไรที่น่ากลัว น่าหวาดหวั่นวิตกแต่อย่างใดครับ แนวโน้มตลาดโดยรวมจะมีการผงกหัวเชิดขึ้นต่อจากเมื่อปีที่แล้ว และยังเชื่อว่าหุ้นที่มีความสามารถในการทำผลการดำเนินงานที่เติบโตได้ดีในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นหุ้นตัวเล็กตัวน้อยก็ตาม หากเราสามารถมองเห็น พิจารณารู้ได้ในแนวทางการบริหารจัดการธุรกิจ ที่จะนำพาไปสู่ความสำเร็จที่ดีได้ ย่อมเป็นโอกาสที่เราจะแสวงหา ไขว่คว้าสร้างความมั่งคั่งกันได้
โดยในปีนี้จะเป็นปี ที่จะได้เห็นกันครับว่า บริษัทจดทะเบียนต่างๆ ทั้งที่จะมีการระดมทุนใหม่ หรือบริษัทที่มีการเพิ่มทุนอย่างมากมายในปีที่ผ่านมานั้น จะมีความสามารถเดินหน้า สรรค์สร้างผลการดำเนินงาน และผลกำไรได้ตามวัตถุประสงค์เป้าหมายในการลงทุนได้หรือไม่ ยิ่งหากเรามองเห็นได้ถึงการดำเนินงานของบรรดาบริษัททดทะเบียนเหล่านั้น มีการส่งสัญญาณได้ถึงการเติบโตอย่างแท้จริงแล้ว บริษัทเหล่านั้นย่อมเป็นที่น่าสนใจลงทุนด้วยอย่างยิ่ง แต่ในทางตรงกันข้าม หากบริษัทใดที่มีการลงทุนไปแล้ว ไม่สามารถดำเนินกิจการหรือธุรกิจให้เกิดกำไรได้ตามเป้าหมายที่วาดฝันไว้ สุดท้ายบริษัทเหล่านั้นย่อมไม่น่าสนใจที่จะเข้าไปร่วมลงทุนด้วยเช่นกันครับ