ทำไมต้องลงทุนต่างประเทศ คุยกับ ดร ก้องเกียรติ โอภาสวงการ

ทำไมต้องลงทุนต่างประเทศ

MoneyTalk ทำไม?ต้องลงทุนต่างประเทศ ?
กับ ดร ก้องเกียรติ โอภาสวงการ
ผู้ดำเนินรายการ ดร ไพบูลย์ และ ดร นิเวศน์

ที่มา : Seminar knowledge by Amorn

ดร ก้องเกียรติ เกริ่นนำว่า ตลาดหุ้นในปีนี้ ตลาดหุ้นไทยค่อนข้างน่าผิดหวังเมื่อเทียบกับหุ้น
ในตลาดเกิดใหม่ด้วยกัน ติดลบไป20% เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐขึ้นไป 30%กว่า
ผลตอบแทนต่างกัน 50%กว่า

ดร ไพบูลย์สอบถามว่า รายได้จากต่างประเทศกับไทยเป็นสัดส่วนเท่าไหร่ในตอนนี้
ดร ก้องเกียรติตอบว่า สัดส่วนรายได้ต่างประเทศขยับขึ้นมา 15% แล้ว ( ว้าว
ทำไมเยอะจัง หรือไม่ค่อยมีใครเทรดหุ้นไทยแล้ว ) ดร เฉลยว่า ส่วนใหญ่มาจาก
ตราสาร Fixed coupon ที่นักลงทุนนิยมลงทุนช่วงนี้ (ซึ่งก็คือ Equity LinkedNote นั่นเอง

โดยผลตอบแทนจะผูกกับหุ้นที่กำหนด เช่น TU ถ้าอยู่ในช่วงระหว่าง 12-13 บาท จะได้ผลตอบแทน
เป็นดอกเบี้ย 2% นี้เป็นข้อมูลเมื่อสองเดือนก่อนที่เคยไปฟังจากCIMBS มาครับ แต่ถ้าหุ้นตกเกิน
20% ก็จะได้เป็นหุ้นไป ) อาจจะเหมาะกับคนที่ต้องการซื้อหุ้นนี้แต่ยังไม่กล้าซื้อ
พอหุ้นตก20% ก็จะได้หุ้นไปในราคาส่วนลด20%

ดร ก้องเกียรติ พูดถึง Fixed coupon ซึ่งมีlinked กับหุ้นTesla ตอนนั้นให้ดอกเบี้ยถึง 4%ต่อเดือน
บังเอิญมีช่วงที่หุ้นTesla ตก ก็ได้หุ้นไป

ดร นิเวศน์ให้ความเห็นว่า Fixed Coupon ตัวนี้ดูน่าสนใจนะ

แต่ ดร ไพบูลย์ เสริมว่า เคยฟังมาก่อนหน้า แต่ไม่สนใจ เพราะดูซับซ้อนเกินไป

การลงทุนในต่างประเทศแต่ละประเภท ขึ้นกับ ตัวผู้ลงทุนเองว่าเหมาะกับแบบไหน แบ่งเป็น
1.ลงทุนผ่านกองทุนรวมในไทย ถ้าเราไม่มีเวลาในการติดตาม และ ลงทุนด้วยเงินไม่มาก เช่น 5,000 บาท
(ผมซื้อกองต่างประเทศที่ TMB Eastspring เริ่มต้นแค่ 1 บาท)

2.ลงทุนด้วยตนเอง โดยไปเปิดพอร์ตกับ Broker เช่น เอเซียพลัส
ดร ก้องเกียรติ แนะนำว่าถ้าลง 5 ตัว ก็ประมาณ 400,000-500,000 บาท ก็พอ
แต่ไม่แนะนำลงตัวละหมื่นบาท (โดนค่าธรรมเนียมเยอะครับ)

3. ดร ไพบูลย์ พูดถึง DR ซึ่งเราสามารถซื้อผ่านตลาดหลักทรัพย์ได้ เช่น
DR หุ้นเวียดนาม (E1VFVN3001) หรือ DR หุ้นจีนที่ไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ

ดร นิเวศน์ดูจะสนใจจะลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐ
แต่ก็มีคำถามว่า สามารถขายหุ้นเวียดนามบางส่วนไปลงสหรัฐได้ไหม

ดร ไพบูลย์บอกว่า เนื่องจากไปลงที่เวียดนามไม่สามารถย้ายได้
ดร ก้องเกียรติ์บอกว่า ขึ้นกับตอนแรกที่ไปเปิดพอร์ตว่า ทำได้ไหม
คงต้องไปดูรายละเอียดตอนเปิดพอร์ตอีกทีครับ

แต่แนะนำว่าควรใช้เงินก้อนใหม่ไปลงทุนในสหรัฐดีกว่า เพราะไม่ต้องเสียส่วนต่างในการแปลงเงินจากเวียดนามไปดอลลาร์สหรัฐ

สุดท้าย ดร ก้องเกียรติฝากว่า ฟังแต่ข้อดี ควรระมัดระวังด้วย
เพราะช่วงวิกฤต Dot com ตอนปี 2000 ตลาดหุ้นสหรัฐ
ตกลงอย่างแรง หุ้นบางตัวตกถึง 90% เพราะไม่มีรายได้ที่แท้จริงเข้ามา
มีแต่ยอด Eyeball เท่านั้น เราควรระมัดระวังในการลงทุนหุ้นสหรัฐเช่นกัน

ดังนั้น เราควรประเมินตนเองก่อนว่าเราเหมาะกับการลงทุนต่างประเทศหรือไม่
โดยอาจมีการประเมินความเสี่ยง ด้วยคำถามจากกลต ว่าเรามีคะแนนเท่าไหร่
สามารถรับความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ไหม ทนการรับขาดทุนได้เท่าไหร่
หลังจากนั้น ก็มาจัดสัดส่วนว่าลงหุ้นต่างประเทศได้กี่% แล้วค่อยมาเลือก
ว่า เราจะไปต่างประเทศด้วยวิธีการไหน

ข้อแนะนำสุดท้าย ผมเป็นคนแนะนำเองครับ เพราะผู้อ่านมีหลายกลุ่ม ดังนั้น
ถ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญอยู่แล้ว ก็ข้ามไปได้เลยแต่ถ้าพึ่งเข้ามาลงทุน หรือ พึ่งเกษียณมา
อยากเพิ่มผลตอบแทน หรือหารายได้เพิ่ม ก็ลองทำตามคำแนะนำก่อนได้ครับ