Black Monday จะเกิดขึ้นอีกครั้งใน 2017 ?
ตลาดกระทิงตอนนี้กำลังเผชิญหน้ากับความอันตราย จากการจบลงของดอกเบี้ยต่ำ จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา และธนาคารกลางอื่นๆทั่วโลกก็ได้ผ่อนคลายงบดุลและเลิกการอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบ เช่น การที่ธนาคารกลางสหรัฐขึ้นอัตราดอกเบี้ย10 ปี ของรัฐบาลเป็น 3% และดัชนี S&P 500 ที่ค่อนข้างอ่อนแอ ณ ระดับ 2600 จุด ซึ่งเป็นจุดที่อันตรายที่จะกระตุ้นให้เกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกับ เหตุการณ์ Black Monday 1987
ย้อนกลับไปวันที่ 19 ตุลาคม 1987 เช้าวันวิปโยคที่เกิดเหตุการณ์ Black Monday Dow Jones Industrial Average (DJIA) ร่วงลงกว่า 22.6% ภายในวันเดียว เริ่มจากการตกลงเล็กน้อยๆและถูกขายอย่างบ้าคลั่งในเวลาต่อมา และตลาดหุ้นทั่วโลกก็ตกลงอย่างรุนแรงในเดือนนั้น ทั้งๆที่ไม่มีข่าวหรือเหตุการณ์อะไรที่จะกระตุ้นให้ตลาดฯร่วงลงขนาดนั้น และใช้เวลากว่า 1 ปี ที่ S&P 500 กลับไปสู่จุดเดิมอีกครั้ง โดยมีกลไกปกป้องตลาดมากมายที่จะป้องกัน panic sell แบบเหตุการณ์ Black Monday เช่น Circuit Breaker
เปรียบเทียบกับวันนี้.....มีปัจจัยหลายอย่างที่เหมือนกับนำไปสู่เหตุการณ์ Black Monday เช่น มีหุ้นในตลาดฯจำนวนไม่น้อยที่ Over value ขณะที่เศรษฐกิจเติบโตช้า มีเงินเฟื้อที่สูงขึ้น และความมั่นใจของนักลงทุน ที่สามารถกระตุ้นความล่มสลายของตลาดหุ้นได้อย่างฉับพลัน เมื่อ indicator ส่งสัญญาณลงเพียงเล็กน้อย สิ่งเดียวที่ต่างจากปี 1987 คือ ดอลลาร์ในวันนี้ค่อนข้างแข็งค่า ทำให้สหรัฐอเมริกามีรายได้จากการส่งออกลดลง
Paulsen กล่าวว่า FED ควรที่จะรีบขึ้นดอกเบี้ยและลดขนาดงบดุลลง ก่อนที่มันจะส่งผลกระทบต่อไปในวงกว้าง นอกจากนี้ Barrou ยังคงกังวลเกี่ยวกับการอ่อนค่าของ ดอลลาร์ ที่กระตุ้นให้เกิดเงินเฟื้อขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้จะกดดันตลาดทุนต่อไป
Ray Dalio ผู้ก่อตั้งกองทุนเฮจด์ฟันด์ Bridgewater Associate LP เชื่อว่า ยุคของดอกเบี้ย 0% ที่เกิดขึ้นโดยธนาคารกลางกำลังจะจบสิ้นลง ขณะที่ FED พยายามจะผ่อนคลายงบดุลเพื่อให้จะช่วยให้อัตราเงินเฟื้อและเติบโตภายในขอบเขตที่ยอมรับได้ Dalio แนะนำว่า พวกเขามีโอกาสที่จะคำนวณผิดพลาดซึ่งนำไปสู่ภาวะถดถอยด้วย และตลาดยังรับรู้ถึงเงินเฟื้อมหาศาล นอกจากนี้เขายังพูดเป็นนัยว่า “จะย้ายเงินออก” แต่ไม่ได้ให้ความเห็นส่วนตัวอย่างชัดเจนเกี่ยวกับตลาดฯ
อย่างไรก็ตามก็มีหลากหลายความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ เช่น หลายคนกล่าวว่าวิกฤตเศรษฐกิจมักเกิดขึ้นทุกๆ 10 ปี และในปีนี้ ก็เป็นการครบรอบ 10 ปี ของวิกฤตแฮมเบอเกอร์พอดี แต่ต้องยอมรับว่า ในวันนี้สภาพแวดล้อมต่างๆได้เปลี่ยนแปลงไปจากวันนั้นอย่างสิ้นเชิง ไม่ได้หมายความว่า วิกฤตต่างๆจะไม่เกิดขึ้นอีกแต่เราเองก็เรียนรู้ที่จะป้องกันมันมากขึ้น
แปลและเรียบเรียงโดย : Yoo
อ้างอิง : www.investopedia.com