จับตา 2 หุ้นสื่อ BEC-GRAMMY ในวันที่ต้องปลดพนักงาน
เมื่อไม่นานมานี้ทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY ได้ประกาศยุบบริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล จำกัด ซึ่งดูแลช่อง GMM 25 ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ มีการเลิกจ้างพนักงานกว่า 190 คน แต่มีพนักงานบางส่วนที่จะย้ายไปทำงานต่อกับบริษัทในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ซึ่งทำให้พนักงานบางส่วนสมัครใจออก และบางส่วนที่จะต้องเลิกจ้าง ซึ่งพนักงานที่ต้องออกทุกคนจะได้รับค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน โดยรูปแบบการดำเนินธุรกิจของช่อง GMM 25 จะไม่ยุติการออกอากาศ แต่จะให้ผู้ผลิตรายการจากข้างนอกมาเช่าเวลาของสถานีออกอากาศ ทางสถานีจะไม่มีการผลิตรายการจากข้างในเหมือนที่เคยทำ เพื่อเป็นการปรับเปลี่ยนให้บริษัทมีแค่รายรับ
เหตุการณ์ของการปลดพนักงานเพื่อปรับลดขนาดองค์กรในครั้งนี้ของธุรกิจสื่อยังมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ค่ายทีวีดังอย่างช่อง 3 ภายใต้บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC ประกาศปลดพนักงานครั้งใหญ่กว่า 300 คน โดยฝ่ายสื่อสารองค์กรของ BEC ออกมาระบุกรณีการเลิกจ้างพนักงาน “การประกาศเลิกจ้างพนักงานครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากความจำเป็นที่บริษัทจะต้องปรับลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายของบริษัทที่มีจำนวนมากลง โดยหนึ่งในการดำเนินงานสำคัญที่จะสามารถทำให้ต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายต่างๆ สามารถลดลงได้
บริษัทเล็งเห็นแล้วว่า การปรับขนาดองค์กรให้มีความเหมาะสมสำหรับการประกอบธุรกิจของบริษัท ที่ขณะนี้เหลือเพียงช่อง 33 ดิจิทัลเพียงช่องเดียวเท่านั้น เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องดำเนินการในเวลานี้ เพื่อให้องค์กรสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ถดถอยและปัจจัยแวดล้อมรวมถึงปัญหาต่างๆ ที่เผชิญอยู่ในขณะนี้ ด้วยเหตุผลดังกล่าว บริษัท จึงมีความจำเป็นต้องปรับลดและเลิกจ้างพนักงานในทุกส่วนลง ซึ่งจะมีผลสิ้นเดือนธันวาคม 63 นี้”
ท่ามกลางเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคที่ให้ความสนใจดูข้อมูลข่าวสาร และสาระบันเทิงในหลายๆ รูปแบบ หลายช่องทางที่ไม่ใช่ทางโทรทัศน์ ประกอบกับขณะนี้มีผู้ผลิตคอนเทนต์มากขึ้น ซึ่งไม่ใช่มีเพียงช่องทางในทีวีแต่ยังมีช่องทาง YouTube และ Facebook รวมถึงสื่ออนไลน์อื่นๆ ซึ่งฉุดให้ยอดการเข้าถึงของผู้ชมผ่านโทรทัศน์ลดหายไป
โดยสอดคล้องกับที่บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เล่าให้ Wealthy Thai ฟังว่า การที่ BEC และ GRAMMY ปรับลดขนาดองค์กร โดยการลดจำนวนพนักงาน (ส่วนใหญ่เป็นฝ่ายข่าว) เพื่อประคองให้บริษัทสามารถดำเนินการต่อได้ เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปจึงทำให้ทั้งสองบริษัทต้องปรับองค์กร เปลี่ยนมาทำรูปแบบออนไลน์มากขึ้น ทั้งนี้มองว่าหลังจากที่ทั้งสองบริษัทปรับลดขนาดองค์กรจะส่งผลให้มีการ BEC มีโอกาสที่จะเทิร์นอะราวด์ในปี 64 และ GRAMMY จะสามารถประคองธุรกิจให้อยู่ได้ หุ้นทั้งสองตัวนี้สามารถเข้าลงทุนได้ โดยมีปัจจัยจากการลดขนาดองค์กรช่วยลดต้นทุนด้านการบริหาร
ด้านบทวิเคราะห์ บริษัท หลักทรัพย์ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด มองในมุมนี้ว่า BEC จะฟื้นตัวในปี 64 เนื่องจากรายได้รวมที่ฟื้นตัวและการควบคุมต้นทุนที่เข้มงวดขึ้น โดย BEC มีกำไรเล็กน้อยในไตรมาส 3/63 โดยมีการปรับปรุง จากไตรมาสก่อน เพราะการฟื้นตัวของยอดขายและค่าใช้จ่ายที่ลดลง และปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 64 ขึ้น 5% จากแนวโน้มยอดขายที่เป็นบวกมากขึ้น คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 6.95 บาท
ทั้งนี้จากการสำรวจข้อมูลพบว่าราคาหุ้นของ BEC ในรอบ 1 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้นตอบรับกระแสข่าวการปรับลดขนาดองค์กร ลดต้นทุนการบริหาร โดยราคาหุ้นเพิ่มขึ้นกว่า 28.69% จากราคาต่ำสุดเมื่อวันที่ 30 ต.ค.63 อยู่ที่ 4.62 บาท และจากนั้นราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 27 พ.ย.63 ราคาหุ้นวิ่งสู่ระดับ 6.20 บาท
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก