การชนะประมูลแหล่งก๊าซธรรมชาติ (เอราวัณและบงกช) ของ PTTEP ส่งผลต่อมูลค่าหุ้นอย่างไร??
ราคา PTTEP ปรับลดลงอย่างหนักจาก New High ของปีนี้ โดยมีราคาปิดที่ 160 บาท/หุ้น ในวันที่ 1 ตุลาคม 2561 ลงเหลือ 121 บาท/หุ้น เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2561 หรือลดลงกว่า 24% ในเวลา 2 เดือนกว่า เนื่องจากความผิดหวังจากการเสนอราคาก๊าซธรรมชาติจากแหล่งเอราวัณ และบงกชต่ำกว่าคาด!!!??!!!
ผลการประมูลแหล่งก๊าซธรรมชาติทั้ง 2 แห่ง
ทราบผลกันไปแล้วสำหรับการประมูลแหล่งก๊าซธรรมชาติหลัก 2 แห่ง ได้แก่ เอราวัณ และ บงกช ซึ่งผู้ที่ชนะการประมูลได้แก่ PTTEP 100% ในแหล่งบงกช ส่วนแหล่งเอราวัณ เป็นการร่วมทุนระหว่าง PTTEP 60% และบริษัทมูบาดาลาซึ่งเป็นพันธมิตรอีก 40% ผู้ที่ชนะการประมูลดังกล่าว คาดว่าจะลงนามได้ในเดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้า ซึ่งมีอายุสัญญาสัมปทานภายใต้ระบบแบ่งปันผลผลิต (PSC) 20 ปี และสามารถต่ออายุได้อีก 10 ปี โดยสัญญาสัมปทานเดิมจะสิ้นสุดอายุลงในปี 2565-2566
ตลาดมีความกังวลอะไรต่อการประมูลครั้งนี้
จากการประมูลแหล่งก๊าซธรรมชาติทั้ง 2 แห่ง ได้แก่ เอราวัณ และบงกช เป็นที่เหนือความคาดหมายของตลาดว่า PTTEP ซึ่งร่วมร่วมทุนกับพันธมิตร (บริษัทมูบาดาลา) สามารถชนะประมูลในแหล่งเอราวัณได้ ในขณะที่แหล่งบงกชเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ โดยทั้ง 2 แหล่ง PTTEP ได้เสนอราคาประมูลค่าคงที่ราคาก๊าซธรรมชาติที่ 116 บาท/ล้านบีทียู ซึ่งแตกต่างจากราคาปัจจุบันที่ 165 บาท/ล้านบีทียู สำหรับแหล่งเอราวัณ และ 214 บาท/ล้านบีทียู สำหรับแหล่งบงกช ซึ่งจะเห็นได้ว่าราคาที่เสนอประมูลต่ำกว่าราคาปัจจุบันถึง 30% และ 46% ตามลำดับ!!!
เหตุจูงใจที่เสนอราคาก๊าซธรรมชาติกว่าราคาปัจจุบันมาก
จากแหล่งข่าว ระบุว่า ในช่วงที่มีการประชุมนักวิเคราะห์ ผู้บริหารของ PTTEP ได้มีความมั่นใจว่าจะสามารถลดต้นทุนในการผลิตของแหล่งก๊าซทั้งสองแห่งได้ โดยบริษัทสามารถ Synergy ระหว่างแหล่งปิโตรเลี่ยมทั้งสองแห่งเพื่อทำให้ต้นทุนลดลง ทั้งการผลิต การขนส่ง รวมถึงค่าเสื่อมของโครงสร้างพื้นฐานได้ โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถลดลงได้ถึง 20-25% เพื่อจะสามารถชดเชยราคาประมูลที่น้อยลงได้
ความเห็นของนักวิเคราะห์หลายสำนัก
ส่วนใหญ่นักวิเคราะห์หลายสำนักให้น้ำหนักไปในทิศทางเดียวกันคือแนะนำ “Buy” เนื่องจากเห็นว่า ราคาหุ้นปัจจุบันปรับตัวลดลงเกินเหตุ อีกทั้งราคาหุ้นมี Downside Risk ที่จำกัด ถึงแม้ว่าจะปรับราคาประเมินส่วนเพิ่มจากโครงการทั้งสองก่อนหน้าลดลง จากราคาเฉลี่ย 17-18 บาท/หุ้น เหลือเพียง 13-14 บาท/หุ้น ปัจจุบันหุ้นของบริษัทถูกซื้อขายเทียบกับราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2562 เพียง 55 เหรียญ/บาร์เรล โดย Maybank ได้ประเมินราคาหุ้นในปี 2562 ด้วยวิธี DCF ไว้ที่ 160 บาท/หุ้น ขณะที่ Yuanta และ Finansia ประเมินไว้ที่ 150 บาท/หุ้น
อย่างไรก็ตาม Asia Wealth ให้คำแนะนำที่เห็นต่างจากโบรกอื่น โดยให้คำแนะนำ “Hold” เนื่องจากเห็นว่า ราคาขายก๊าซที่ 116 บาท/ล้านบีทียู ไม่สามารถชดเชยความเสี่ยงมากพอ หากราคาน้ำมันโลกปรับตัวสูงขึ้น และหากค่าเงินบาทอ่อนตัวมาก อาจจะทำให้ PTTEP มีความเสี่ยงที่ต้องแบกรับต้นทุนเหล่านี้เพิ่มขึ้นได้ โดยเห็นว่า หุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าซึ่งเป็นผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติเหล่านี้ เช่น GPSC และ BGRIM จะมีความน่าสนใจมากกว่า จากแนวโน้มที่ราคาก๊าซธรรมชาติจะปรับตัวลดลง
ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น
ราคาหุ้นได้ปรับตัวสูงขึ้นจากคาดหวังการประมูลแหล่งก๊าซธรรมชาติทั้งสองแหล่งตั้งแต่กลางปีจนสามารถทำราคา New High โดยมีราคาปิดที่ 160 บาท/หุ้น ในวันที่ 1 ตุลาคม 2561 ต่อมาตลาดได้มองเห็นความเสี่ยงจากการประมูลดังกล่าว จึงได้ทะยอยขายหุ้นออกมา ทำให้ราคาปรับตัวลดลง โดยล่าสุด ราคาหุ้นซื้อขายกันที่ 121 บาท/หุ้น เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2561 โดยเวลาเพียง 2 เดือน ราคาหุ้นปรับตัวลดลงแล้วกว่า 24%