ห้องเม่าปีกเหล็ก

HOT NEWS

โดย eighteen nineteen
เผยแพร่ :
64 views

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 61.90 จุด กังวลภาษีทรัมป์กระทบเศรษฐกิจ

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

 

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (5 ส.ค.) ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังจากบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งซึ่งรวมถึง ยัม แบรนด์ส (Yum! Brands) ระบุว่า ผลประกอบการของบริษัทได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษี

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,111.74 จุด ลดลง 61.90 จุด หรือ -0.14%, 

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,299.19 จุด ลดลง 30.75 จุด หรือ -0.49%

 และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 20,916.55 จุด ลดลง 137.03 จุด หรือ -0.65%

หุ้นยัม แบรนด์ส ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเคเอฟซี (KFC) ร่วงลง 5.1% หลังจากบริษัทรายงานผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 2/2568 เนื่องจากมาตรการภาษีนำเข้าในอัตราสูงได้ส่งผลให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอตัวลง

ขณะที่แคทเธอร์พิลลาร์ (Caterpillar) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องมือก่อสร้างรายใหญ่ของสหรัฐฯ เตือนว่ามาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ จะสร้างความท้าทายอย่างมากในช่วงครึ่งหลังของปี และอาจทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2568 ทั้งนี้ ราคาหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ปิดตลาดขยับขึ้นเพียง 0.1%

สำหรับสถานการณ์ภาษีล่าสุดนั้น ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า ในเบื้องต้นนั้นเขาจะเรียกเก็บภาษีนำเข้ายาในอัตราที่เล็กน้อย แต่ภายในระยะเวลา 1 ปีถึง 1 ปีครึ่ง เขาจะเพิ่มอัตราภาษีสู่ระดับ 150% และจากนั้นเป็น 250% ซึ่งถือเป็นอัตราภาษีสูงสุดที่ปธน.ทรัมป์ขู่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจนถึงขณะนี้

ตลาดได้รับแรงกดดันจากรายงานของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 50.1 ในเดือนก.ค. จากระดับ 50.8 ในเดือนมิ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 51.5 โดยธุรกิจต่าง ๆ ระบุว่ามาตรการภาษีการค้ากำลังผลักดันให้ต้นทุนสูงขึ้น

หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคร่วงลง 1.05% ตามด้วยกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง 0.91% ส่วนหุ้นกลุ่มวัสดุและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยดีดตัวขึ้น 0.8% และ 0.3% ตามลำดับ

แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล (Marriott International) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของรายได้และกำไรตลอดปีงบการเงิน 2568 โดยระบุถึงสัญญาณที่บ่งชี้ว่าความต้องการการเดินทางชะลอตัวและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ หุ้นแมริออทปิดตลาดบวกเพียง 0.2%

หุ้นไฟเซอร์ (Pfizer) ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 5.2% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 2/2568 โดยได้แรงหนุนจากมาตรการปรับลดค่าใช้จ่ายของบริษัท รวมทั้งยอดขายผลิตภัณฑ์ยาที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ลดลง 16.0% สู่ระดับ 6.02 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 6.26 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 7.17 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค.

นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทวอลท์ ดิสนีย์ (Walt Disney) และแมคโดนัลด์ส (McDonald's) ในวันนี้ (6 ส.ค.)

 

 


eighteen nineteen