ห้องเม่าปีกเหล็ก

ตลาดหุ้นปรับฐาน ควรทำอย่างไร ?

โดย กล้วย
เผยแพร่ :
124 views

ตลาดหุ้นปรับฐาน ควรทำอย่างไร ?

 

.

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยเราปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องแทบทั้งอาทิตย์ หลังผเชิญกับแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศ (Fund Flow) ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันหลักอยู่ ณ ขณะนี้ กดหัวดัชนีหุ้นไทยของเราปรับฐานลงพอสมควร

.

แน่นอนว่า ภาพใหญ่ของตลาดหุ้นที่เป็นขาลง ย่อมส่งผลไปยังการลงทุนในหุ้นรายตัวของนักลงทุนรายย่อยอย่างเราด้วย เพราะหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯส่วนใหญ่ ก็มีการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นสอดคล้องกับดัชนีด้วยนั่นเอง

.

การลงทุนในช่วงตลาดหุ้นปรับฐานจึงทำได้ยากมากขึ้น แต่ก็ใช่ว่านักลงทุนรายย่อยอย่างพวกเราที่อยากจะเกิด จะถูกคุมกำเนิดเสมอไป เพราะก็ยังมีกลยุทธ์อีกมากมาย ที่สามารถพาให้รายย่อยทุนน้อย ๆ อย่างพวกเราเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ได้

.

โดยวันนี้ แอดจะขอนำเคล็ดไม่ลับดี ๆ จากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี มาแบ่งปันให้เพื่อน ๆ ลองนำไปปรับใช้กับการลงทุนของตัวเองในช่วงตลาดปรับฐานดูนะ โดย บล.กรุงศรี แนะนำเทคนิคเอาตัวรอดไว้ 6 วิธี ดังนี้

.

1. เก็บกำไรไว้บางส่วน เมื่อตลาดหุ้นขึ้นสูง : เมื่อตลาดหุ้นปรับฐานลง แล้วเป็นจังหวะที่เงินเราหมดพอดีเราก็จะเสียโอกาสได้ เนื่องจากช่วงที่ตลาดหุ้นขึ้นอาจจะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น และเมื่อตลาดหุ้นปรับฐานลงมานั้นอาจจะไม่นานมากนัก

.

ดังนั้น เราควรมีเงินสำรองไว้ราว 10 - 20% ของพอร์ตลงทุน ซึ่งการทำแบบนี้เป็นอีกหนึ่งวินัยที่เราควรมี และควรทำให้ได้ เพราะเมื่อโอกาสมาถึงแล้วเราต้องการซื้อหุ้นไว้เพื่อที่จะนำไปเก็งกำไรต่อก็จะไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้ก่อนที่จะนำเงินที่สำรองไว้ไปลงทุนช้อนซื้อหุ้นตัวใหม่ ก็อย่าลืมดูกราฟหุ้นให้ดีว่ามันจบช่วงตลาดขาลงแล้วหรือยัง

.

ตัวอย่างการปรับพอร์ตหุ้น ในช่วงเวลาตลาดแดง เช่น พอร์ตเรามีขนาด 2 ล้านบาท ก็ควรมีเงินสดสำรองประมาณ 2 - 4 แสนบาท และเมื่อหุ้นในพอร์ตเรามีมูลค่าสูงขึ้น อาจขึ้นไปเป็น 2.4 ล้านบาท สิ่งต่อไปที่ควรทำคือเราควรแบ่งขายหุ้นออกมาอย่างน้อย 2 แสนบาท จะทำให้เรามีเงินสดในมือ 2 แสนบาท

.

และเมื่อตลาดหุ้นปรับฐานกะทันหัน เราสามารถนำเงิน 2 แสนบาททยอยซื้อหุ้นดีที่มีราคาต่ำเอาไว้ได้ เพราะฉะนั้นควรที่จะบริหารจัดการ และเก็บเงินสำรองไว้ในพอร์ตบ้าง เพราะเมื่อใดที่ตลาดหุ้นปรับฐานลง เราก็จะไม่มีเงินซื้อ และเสียโอกาสไปอย่างน่าเสียดายที่สุด ดังนั้นจึงควรท่องไว้ให้ขึ้นใจว่า "ตลาดหุ้นขึ้นก็ต้องมีหุ้นในมือขาย - ตลาดหุ้นลงก็ต้องมีเงินซื้อหุ้น"

.

2.ทำการบ้านหาราคาเป้าหมาย : เราต้องหาข้อมูลราคาเป้าหมาย เช่น ไปศึกษาโบรกเกอร์ต่าง ๆ เอาไว้เราอาจจะได้ราคา Entry Price หรือราคาที่เราเตรียมจะซื้อ จากนั้นก็ทำลิสต์เอาไว้ เพราะเมื่อช่วงหุ้นกำลังปรับฐานอยู่ เราก็ทำการบ้านเอาไว้ เมื่อถึงเวลาที่ใช่เราก็จะได้ช้อนซื้อเอาไว้ได้ทันในราคาที่เราเล็งเอาไว้ได้

.

3.ต้องพิจารณา Cut loss : มือใหม่อาจจะต้องพิจารณาการขายตัดขาดทุน (Cut loss) เพราะเมื่อตอนแรกที่เราเข้าไปซื้อนั้น อาจจะเป็นการซื้อแบบ Technical เป็นหลัก อาจจะไม่ได้ดูเรื่องพื้นฐานของหุ้นตัวนั้น ๆ อย่างชัดเจน เช่น หุ้นที่ซื้อตามข่าว ฯลฯ หุ้นเหล่านี้อาจจะต้องพิจารณา Cut loss ก่อนที่จะขาดทุนไปมากกว่าเดิม

.

4.บริหารความเสี่ยง แบ่งขายหุ้นในพอร์ต : โดยพื้นฐานแล้วพอร์ตนักลงทุนระยะยาวควรมีหุ้นในพอร์ตอย่างน้อยไม่เกิน 10 ตัว ณ เวลาที่ตลาดหุ้นปรับฐาน โดยหุ้นแต่ละตัวนั้นเราควรที่จะศึกษามาเป็นอย่างดีแล้ว เพราะในเวลาที่หุ้นตกแบบกะทันหัน ราคาหุ้นแต่ละตัวจะลดลงไม่เท่ากัน

.

ซึ่งนักลงทุนนิยมที่จะปรับพอร์ตด้วยการขายหุ้นตัวที่ตกน้อยออกไปก่อน เพื่อที่จะไปช้อนซื้อหุ้นที่ตกลงมากกว่า และวิธีนี้นักลงทุนสามารถที่จะทำกำไรได้ แต่ก็ต้องแล้วแต่กรณีไป เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้กำไร และคืนทุนทั้งหมด ทั้งนี้ก็ควรพิจารณาถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจให้ดี ๆ ก่อนที่จะแบ่งเงินมาลงทุนทุกครั้ง

.

5.อย่ารีบซื้อหุ้นเกินไป เมื่อตลาดหุ้นปรับฐาน : เมื่อตลาดหุ้นปรับฐานแบบกะทันหัน อย่าเพิ่งไปช้อนซื้อ เพราะเมื่อตลาดหุ้นตกชั่วคราวในวันนี้ ไม่ได้หมายความว่าวันถัดมากราฟหุ้นจะเด้งกลับมาในวันต่อมา เพราะฉะนั้นเราไม่ควรใจร้อน และรีบซื้อในช่วงแรกที่หุ้นปรับฐานลง เพราะเราอาจจะเจ็บตัว และเสียดายทีหลังก็ได้

.

6.ทุกวิกฤติ ย่อมมีโอกาส : ต่อเนื่องจากข้อที่ 2 ที่กล่าวไว้ว่าทำการบ้านหาราคาเป้าหมายเอาไว้ เพราะโอกาสในที่นี้ก็คือเมื่อเราศึกษามาแล้วและมี Watch List อยู่ในมือ และถ้า ณ ตอนนั้นตลาดหุ้นปรับฐานลงตรงนี้แหละที่เราจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ โดยการเข้าไปซื้อไว้ในราคาที่ถูก

.

และทั้งหมดนี้ก็คือเคล็ดไม่ลับดี ๆ เกี่ยวกับการเอาตัวรอดช่วงตลาดหุ้นปรับฐานที่แอดหยิบข้อมูลจาก บล.กรุงศรีมาแบ่งปันเพื่อน ๆ ทุกคนในวันนี้เนอะ ก็หวังว่าบทความชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนไม่มากก็น้อยนะครับ สำหรับวันนี้ ไปก่อนนะ บ๊าย บาย ....

.

บ.บูม

.

***********************************

 


กล้วย