กลยุทธ์การลงทุนเดือนมิถุนายน ตลาดหุ้นไทย!
คงเป้า SET Index ที่ 1,666 จุด จากคาดการณ์ soft landing ของเศรษฐกิจโลก และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่ราบรื่น เป้าของเราอิงบน PER ที่ 15.60 เท่า (+0.5SD)
ปัจจัยขับเคลื่อนเชิงบวกในเดือน มิ.ย.2566
การบริโภคภายในประเทศที่ปรับดีขึ้นตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มธนาคาร กลุ่มการเงิน กลุ่มพาณิชย์ กลุ่ม ICT และกลุ่มขนส่ง
การลดค่าไฟฟ้าจะเป็นประโยชน์กับกลุ่มพานิชย์ กลุ่ม ICT กลุ่มบรรจุภัณฑ์ กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มถุงมือยาง
จำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าที่สูงขึ้นจากจำนวนเที่ยวบินจากจีนที่เพิ่มขึ้น (จาก 100 เที่ยวบิน/สัปดาห์ในเดือน พ.ค. เป็น 430 เที่ยวบิน/สัปดาห์ ในเดือน มิ.ย.) ซึ่งจะส่งผลดีต่อกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม บริษัทในกลุ่มธุรกิจนี้ต่างมองว่าแนวโน้มอุปสงค์ในครึ่งหลังของปี 2566 น่าจะดีกว่าในครึ่งปีแรกจากความต้องการเติมสต็อก โดยรวมแล้วเราคาดว่ากำไร 2Q66 ของกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จะอยู่ที่ประมาณ 4.8 พันลบ. เพิ่มขึ้น 11% QoQ
ปัจจัยความเสี่ยงในเดือน มิ.ย.2566
ความไม่แน่นอนทางการเมือง/การคลัง
การส่งออกของไทยที่ชะลอตัวจากการระบายสต็อก และความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย
กลยุทธ์การลงทุนเรามีธีมการลงทุนทั้งหมด 4 ธีม ได้แก่
ธีมการบริโภคภายในประเทศ (AEONTS TIDLOR TTB OSP CPALL COM7 และ AURA) : เราคาดว่าการบริโภคภายในประเทศจะเติบโตได้ดีจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว การจ้างงานที่ดีขึ้น และนโยบายประชานิยมระยะสั้นหลังการเลือกตั้ง
ธีมการท่องเที่ยว (MINT และ SNNP) : จากความคาดหวังที่ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าปี 2566 จะเพิ่มขึ้นเป็น 28.5 ล้านคน เทียบกับ 11.2 ล้านคนในปี 2565
ธีมป้องกันความเสี่ยงจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว (PTTEP) : เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาวะชะลอตัว (stagflation)
ธีมกำไรฟื้นตัว (GFPT)v : เราคาดว่ากำไรจะฟื้นตัวในไตรมาส 2/2566 จากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่เพิ่มขึ้นตามราคาไก่เนื้อที่สูงขึ้นและราคาอาหารสัตว์ที่ลดลง
