ห้องเม่าปีกเหล็ก

เช็คลิสต์ 10 หุ้นถูกปัจจัยกดดัน โบรกฯ สั่งขาย แนะหลีกเลี่ยงลงทุน

โดย ฮ นกฮูก
เผยแพร่ :
250 views

เช็คลิสต์ 10 หุ้นถูกปัจจัยกดดัน

โบรกฯ สั่งขาย แนะหลีกเลี่ยงลงทุน

.

ธีมการลงทุนช่วงนี้มีหลากหลายแบบให้นักลงทุนเลือก ทั้งหุ้นที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากการเลือกตั้ง และหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลบวกจากสถานการณ์เงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง ซึ่งนอกจากหุ้นที่ได้รับคำแนะนำให้ลงทุนแล้ว ย่อมมีหุ้นที่นักวิเคราะห์แนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุนหรือขายทำกำไรออกไปก่อนเช่นกัน วันนี้ Wealthy Thai จึงมีตัวอย่าง 10 หุ้นที่นักวิเคราะห์ประเมินว่ายังมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน จึงแนะนำในเชิงลบมาฝาก

.

โดยนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ระบุว่า ได้คัดเลือกกลุ่มหุ้นที่แนะนำให้ “ขายหรือหลีกเลี่ยงการลงทุนไปก่อน” เนื่องจากผลการดำเนินงานยังไม่สดใสและมีความเสี่ยงที่ต้องติดตาม ได้แก่ SAWAD เพราะมองว่าอัตราการตั้งสำรองมีแนวโน้มสูงขึ้น ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ยังลดลงจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นและอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ที่ลดลง ให้คำแนะนำ Underperform ราคาเป้าหมาย 53 บาท

.

ถัดมา KTC คาดกำไรจะเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงจาก 20% ในปี 2565 สู่ 9% ในปี 2566 หรืออยู่ที่ระดับ 7.7 พันล้านบาท ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์มองว่า valuation ของบริษัทแพง ดังนั้นจึงคงคำแนะนำไว้ที่ Underperform และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 52 บาท

.

PSH แม้คาดว่าทิศทางกำไรขั้นต้นในปี 2566 จะดีขึ้นเล็กน้อย แต่ปัจจัยจาก Backlog คอนโดต่ำกว่าปีก่อน เบื้องต้นประเมินกำไรปีนี้จะทรงตัวจากปีก่อน โดยคาดว่าธุรกิจโรงพยาบาลจะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ในขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเติบโตจำกัด จึงคงคำแนะนำ Underperform ราคาเป้าหมาย 12 บาท

.

QH ยอดขายทรงตัว ส่วนการเปิดตัวโครงการใหม่เป็นโครงการที่เลื่อนมาจากปี 2565 มีเพียงแรงหนุนจากส่วนแบ่งกำไรที่ดีขึ้น เบื้องต้นประเมินกำไรปีนี้ที่ 2.62 พันล้านบาท เติบโต 10% จากปีก่อน โดยให้คำแนะนำ Underperform และราคาเป้าหมายที่ 2.30 บาท

.

KEX การแข่งขันในอุตสาหกรรมยังสูง และผลประกอบการยังขาดทุน ถึงแม้จะมีโอกาสขาดทุนน้อยลง เบื้องต้นฝ่ายวิเคราะห์ไม่คิดว่าราคาหุ้นจะรีบาวด์ได้แรง เนื่องจากนักลงทุนน่าจะเลือกรอดูอัตราการปรับตัวลดลงของ OPEX ในไตรมาส 1/66 หลังจากบริษัทดำเนินโครงการลดต้นทุนเชิงรุกในไตรมาส 4/65 จึงแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนออกไปก่อน

.

LPN คาด Backlog ยังคงอ่อนแอ แม้พรีเซลในไตรมาส 1/66 จะฟื้นตัวดี แต่ส่วนใหญ่มาจากโครงการใหม่ที่รอการสร้าง โดยคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ไว้ที่ 604 ล้านบาท ลดลง 1.3% จากปีก่อน และคาดการณ์รายได้ที่ 8 พันล้านบาท ลดลง 22% จากปีก่อน โดยมี secured revenue เพียง 13% ดังนั้นจึงคงคำแนะนำ Underperform ด้วยราคาเป้าหมาย 4.30 บาท

.

THRE แม้คาดว่าปี 2566 จะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 125 ล้านบาท แรงหนุนจาก combined ratio ที่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับปกติ หลังจากกรมธรรม์โควิดหมดอายุ เบี้ยประกันภัยต่อรับเติบโต 5% และ opex ที่ลดลงเพราะค่าใช้จ่ายพิเศษเกี่ยวกับการทำ IPO ของบริษัทย่อยลดลง แต่อย่างไรก็ตามฝ่ายวิเคราะห์มองว่า valuation แพง และความสามารถในการทํากําไรอ่อนแอ จึงคงคำแนะนำ Underperform ราคาเป้าหมาย 1 บาท

.

KISS ฝ่ายวิเคราะห์คาดยอดขาย Covid Trap เริ่มอ่อนตัวจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ขณะที่ผลิตภัณฑ์อื่นเริ่มฟื้นตัวได้ ให้คำแนะนำ Underperform ราคาเป้าหมาย 6.90 บาท

.

NRF แม้ปี 2566 ธุรกิจอาหารของบริษัทมีแนวโน้มเติบโต แต่คาดบริษัทร่วมทุน P&B ซึ่งประกอบธุรกิจรับจ้างผลิตอาหารโปรตีนจากพืชในสหราชอาณาจักร จะมีผลขาดทุนอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากคำสั่งซื้อที่ลดลงในช่วงครึ่งแรกของปี ดังนั้นจึงปรับคำแนะนำเป็น Underperform และปรับราคาเป้าหมายสิ้นปีนี้ 4.30 บาท

.

และสุดท้าย SAT แนวโน้มไตรมาส 1/66 กำไรปกติจะลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงและค่าไฟที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์มองแนวโน้มผลประกอบการปี 2566 ไม่น่าตื่นเต้น คาดกำไรปกติที่ 1 พันล้านบาท เติบโต 10% จึงให้คำแนะนำ Underperform ราคาเป้าหมาย 22 บาท

 

 

 

 


ฮ นกฮูก