ทันหุ้น –EA สร้างผลงานปีนี้โตก้าวกระโดด รายได้-กำไรทำนิวไฮ รับรู้โครงการหนุมานครบ 260 เมกะวัตต์ ดันกำลังการผลิตทั้งปีเพิ่มเป็น 664 เมกะวัตต์ ตามเป้า ศึกษาลงทุนโรงไฟฟ้าไฮบริดในเวียดนาม-เมียนมา คาดชัดเจนปีนี้ ด้านผู้ถือหุ้นไฟเขียวออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน1.5 หมื่นล้านบาท แถมจ่ายปันผล 0.25 บาทอต่อหุ้น เดินหน้าโครงการ PCM ต่อเนื่อง เร่งสร้างโรงงานแบตเตอร์รี รุกทำธุรกิจเรือไฟฟ้า
นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า มั่นใจปีนี้รายได้และกำไรทุบสถิติสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง เนื่องจากบริษัทได้ดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าพลังงานลมโครงการหนุมานได้ครบทั้ง 5 โครงการ ที่กำลังการผลิตรวม 260 เมกะวัตต์ (MW) ส่งผลให้กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม เพิ่มขึ้นเป็น 664 เมกะวัตต์ โดยครบสมบูรณ์ตามเป้าหมายที่วางไว้ และคาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะอยู่ที่ประมาณ 40%
นอกจากนี้กระแสเงินสดจะเพิ่มขึ้นขึ้นด้วยจากผลประกอบการ ซึ่งจะมาสนับสนุนให้เป็นเงินทุนสำหรับการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่ต่อเนื่องกันได้อย่างเต็มที่มากขึ้น ขณะเดียวกันยังพิจารณาลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าไฮบริดในเวียดนามและเมียนมาต่อเนื่อง คาดว่าจะชัดเจนปีนี้
*ออกหุ้นกู้ 1.5 หมื่นล.
ทั้งนี้ที่ประชุมได้อนุมัติให้บริษัทเสนอขายหุ้นกู้ใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1.5 หมื่นล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์จะนำไปชำระคืนเพื่อปรับโครงสร้างเงินทุน ชำระเงินกู้เดิมของบริษัท และใช้ในการดำเนินงานหรือเป็นทุนสนับสนุนโครงการใหม่ของบริษัทและบริษัทในเครือ ขณะเดียวกันที่ประชุมอนุมัติการจัดสรรกำไรและจ่ายเงินปันผลประจำปี 2561ในอัตราหุ้นละ
0.25 บาท โดยจ่ายจากกำไรสะสมสำหรับกิจการที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 932.50 ล้านบาท ทั้งนี้กำหนดจ่ายเงินปันผลเป็นวันที่ 24 พฤษภาคม 2562
ขณะที่โครงการ กรีนดีเซลและPCM กำลังการผลิต 130ตันต่อวัน โรงงานแห่งใหม่นี้ ตั้งอยู่ในจังหวัดระยอง มูลค่าการลงทุนในโครงการโดยรวมประมาณ 1,100 ล้านบาท โดยแบ่งการลงทุนในโครงการเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 กำลังการผลิตของกรีนดีเซล (GD) และวัสดุดูดซับพลังงาน (PCM) มีอัตราการป้อน 65 ตันต่อวัน กำหนดการก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน เดือนธันวาคม 2562 และเริ่มมีรายได้เชิงพาณิชย์ภายในไตรมาสที่ 1/2563 ส่วนระยะที่ 2 เพิ่มกำลังการผลิตที่อัตราการป้อนโดยรวมเป็น 130 ตันต่อวัน กำหนดการก่อสร้างเพิ่มเติมสำหรับระยะที่ 2 แล้วเสร็จภายใน เดือนธันวาคม 2563 และเริ่มมีรายได้ภายในไตรมาสที่ 1/2564
*จัดงบลงทุน 2 ปี 9.2 พันล.
พร้อมกันนี้ยังเดินหน้าก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ เฟสที่ 1 กิกะวัตต์ (GWh) มูลค่าลงทุน 4 พันล้านบาท และคาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการผลิตได้ในปี 2562 แบตเตอรี่ในรุ่นแรกนี้ จะเน้นการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้า โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมากทั้งในและต่างประเทศ ส่วนเฟส 2 ที่จะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 49 กิกะวัตต์ บริษัทคาดว่าจะทำการลงทุนหลังจากบรรลุผลสำเร็จของการดำเนินงานในเฟสแรกแล้ว ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ
นอกจากนี้เดินหน้าในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น MINE SPA1 โดยจะทยอยส่งมอบช่วงต้นปี 2563 ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีกว่า 5,000 คัน และยังเดินหน้าในการติดตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้าให้เป็น 1,000 สถานีในปลายปีนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 500 สถานี เพื่อรองรับการใช้งานที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังเดินหน้าในการทำธุรกิจเรือไฟฟ้า โดยได้เปิดตัวเรือต้นแบบไปแล้วคาดว่าปีนี้จะผลิตได้ 20 ลำ ปี2563 ผลิตได้ 34 ลำ รวมเป็น 54 ลำ มูลค่าลงทุนกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งเรือดังกล่าวจะให้บริการขนส่งสาธารณในแม่น้ำเจ้าพระยา อย่างไรก็ดีคาดว่าจะใช้ปี 2562-2563 กว่า 9,200 ล้านบาท
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ส่องรายได้หุ้นผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติมได้ที่ https://www.stock2morrow.com/article-detail.php?id=1989
ขอบคุณที่มา