ห้องเม่าปีกเหล็ก

[ตอนที่ 61] บทความแปล by cmFX ”Price Pattern : Martin Pring on Price Patterns”

โดย cmfx
เผยแพร่ :
73 views

13 รูปแบบกราฟแท่ง Outside Bars

บทนำ

รูปแบบกราฟแท่ง One- and Two-Bar Patterns

รูปแบบราคาที่เราพูดถึงในบทก่อนๆ อาจมีกราฟแท่งอย่างน้อย 15 แท่ง จนกว่าจะสิ้นสุดขั้นตอนการฟอร์มรูปแบบ  และกราฟแท่งนี่แหละที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย แสดงให้เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงในความเชื่อมั่นพื้นฐาน

ในบทนี้และบทต่อๆ ไป จะกล่าวถึงรูปแบบราคาขนาดเล็กมากที่จำกัดจำนวนกราฟแท่งแค่ 1 หรือ 2 แท่ง การฟอร์มรูปแบบเหล่านี้ถือว่ามีประโยชน์อย่างมากเนื่องจากจะทำให้จับสัญญาณการพัฒนาแนวโน้มใหม่ได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก และใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานในการปฏิบัติว่าจุดใดจะเป็นจุดหยุดขาดทุนที่ความเสี่ยงต่ำ

แต่เดิม รูปแบบราคาที่อธิบายไว้ในบทที่ 13 ถึง 16 จะนับเป็นวันเช่นรูปแบบ 1 - 2 วัน หรือรูปแบบ 1 และ 2 สัปดาห์ แต่เมื่อมีการกำหนดกราฟระหว่างวันขึ้นมา รูปแบบที่มีอยู่จึงไม่อาจนำมาอธิบายได้อีกต่อไป ดังนั้นเราจึงใช้คำว่า “แท่งหรือ bar” มาอธิบายรูปแบบเหล่านี้แทนการใช้คำว่า “วัน”

ขนาดของรูปแบบราคาเป็นปัจจัยหลักที่จะบ่งบอกความสำคัญของรูปแบบนั้น ซึ่งทั้งรูปแบบกราฟแท่งที่มีหนึ่งหรือสองแท่ง one- and two-bar ต่างใช้เวลาไม่นานนักในการฟอร์มตัว ดังนั้นมันจึงมีอิทธิพลต่อราคาเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ตัวอย่างเช่น ในสภาวะปกติ รูปแบบราคาที่ประกอบด้วย one-day bar จะส่งผลต่อราคา เป็นเวลา 5 - 10 วัน  ดังนั้น  two-bar pattern  ที่สร้างขึ้นจากกราฟแท่งราย 10 นาที ก็จะส่งผลต่อแนวโน้มราคาในช่วง 50 นาที ถึง 1 ชั่วโมงถัดไปหรือยาวนานกว่านั้น  อันที่จริง ถึงมันจะเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่ยิ่งผมศึกษารูปแบบเหล่านี้มากเท่าใดก็ยิ่งประทับใจกับความสามารถในการส่งสัญญาณที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือสำหรับการกลับตัวของแนวโน้มราคาในระยะสั้นๆ ของมัน

เมื่อแนวโน้มเติบโตจนถึงจุดอิ่มตัว (เข้าสู่ภาวะเสื่อมถอย) และภาพรวมทางเทคนิคในระยะยาว มันก็มักจะเกิดรูปแบบกราฟแท่ง one- and two-bar ที่จุดกลับตัวสุดท้ายของแนวโน้มเสมอ  ในทางทฤษฎีรูปแบบกราฟแท่ง  one- and two-bar จะอยู่ในแนวโน้มเดิมต่อไปแบบ dominoes หรือ  reverse dominoes ก็ต่อเมื่อพวกมันไปอยู่ที่ปลายสุดของสมดุลทางเทคนิคระยะยาวในทิศทางใหม่ (แต่เราเรื่องนี้จะกลับมาพูดถึงในรายละเอียดในเรื่องนี้ภายหลัง)

 

รูปแบบราคาทั้งหมดไม่ได้ถูกสร้างมาให้มีความสำคัญเท่าเทียมกัน

เราอาจกล่าวได้ว่าสัญญาณจากรูปแบบเหล่านี้เป็นการบ่งบอกการซื้อหรือการขายและมันก็ใช้ได้ดีตามลักษณะที่มันเป็น แต่เพราะรูปแบบทั้งหมดไม่ได้ถูกสร้างให้มีความสำคัญเท่าเทียมกัน ดังนั้นเราจึงมีการจัดระดับคุณภาพในการส่งสัญญาณของมันเอาไว้ โดยแบ่งสัญญาณเหล่านี้ในเทอมของรูปแบบประเภทดาวเด่นหรือ star หรือรูปแบบคลุมเครือหรือ  shaded of grey ตัวอย่างเช่น รูปแบบ A มีลักษณะการฟอร์มตัวเป็นรูปแบบที่ชัดเจน ในขณะที่รูปแบบ B มีการส่งสัญญาณที่แข็งแกร่ง ดังนั้น  A ก็จะถูกจัดเป็นรูปแบบประเภท two-star ส่วน pattern B ก็จะถูกจัดให้เป็นรูปแบบประเภท five-star และเมื่อเอามาวิเคราะห์ความน่าจะเป็นในเชิงเทคนิคแล้ว สัญญาณของรูปแบบประเภท five-star  ก็ย่อมมีโอกาสบ่งชี้การกลับตัวของแนวโน้มได้ถูกต้องกว่าสัญญาณของรูปแบบประเภท two-star และอื่นๆ แต่มันก็ไม่ได้ถึงกับรับประกันว่าการคาดการณ์นั้นจะถูกต้องเสมอไป  หรือสัญญาณของ one-star นั่นจะตามมาด้วยการเคลื่อนไหวที่อ่อนแอ เพราะมันแค่โอกาสที่น่าจะเป็นเท่านั้น

สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ คือการตามล่าหาเบาะแสเพื่อยืนยันความแข็งแกร่งและการเปลี่ยนแปลงความเชื่อมั่นที่สำคัญของนักลงทุน ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณการกลับตัว อย่างเช่น ผมอาจจะตะโกนร้องคำว่า ช่วยด้วย! ก็จริง แต่ถ้าผมตะโกนขอความช่วยเหลือบนหลังคา คุณก็อาจจะได้ยินไม่ค่อยชัด ซึ่งก็เหมือนกับหลักการที่มีอยู่ในตลาด  ดังนั้นรูปแบบกราฟแท่ง one- and two-bar ที่พูดถึงนี้จะถูกตีความว่ามันเป็นพวกรูปแบบที่ส่งสัญญาณคลุมเครือมากกว่าที่จะเป็นรูปแบบที่ส่งสัญญาณชัดๆ  เพราะบางรูปแบบของมันจะให้สัญญาณที่แสดงอาการอ่อนล้ามากว่ารูปแบบอื่น

 

http://www.chiangmaifx.com/price-patterns-part-3.html

 


cmfx