ครึ่งปีแรก ที่แย่สุดในรอบ 50-60 ปี !!!
Cr. Dr.KOB
เมื่อวานนี้ เป็นวันสุดท้ายของครึ่งแรกของปี 2022
เป็นจุดที่เราจะได้ย้อนกลับไปดูว่า ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา ดัชนีต่างๆ โดยเฉพาะในสหรัฐ ที่เป็นศูนย์กลางของพายุ เป็นอย่างไร
Dow Jones -15.4% เป็นครึ่งแรกที่ติดลบมากสุดในรอบ 60 ปี
S&P 500 -20.6% เป็นครึ่งแรกที่ติดลบมากสุดในรอบ 52 ปี
Nasdaq -29.5% เป็นครึ่งแรกที่ติดลบมากสุดเป็นประวัติการณ์
นับว่าปีนี้ เป็นปีที่นักลงทุนต้องเผชิญกับ Investment Storm ที่พัดกระหน่ำ ให้ดัชนีต่างๆ ระเนระนาด
ซึ่งไม่จำกัดแค่หุ้น แต่รวมไปถึง Assets ต่างๆ อีกมากมาย
คำถามที่นักลงทุนมีต่อไป ก็คือ แล้วครึ่งหลังจะเป็นอย่างไร
จะต่ำพอที่จะเข้าไปลงทุน แล้วหรือไม่
จากการศึกษาล่าสุดจากทาง Wells Fargo Investment Institute ที่รายงานโดย Market Watch (ลิงค์อยู่ในคอมเมนท์) ซึ่งมีข้อมูลที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ที่ขอแปลให้ทุกคนอ่าน ????
เมื่อตลาดเข้าสู่ภาวะตลาดหมี หรือ Bear Market คือ ติดลบมากกว่า -20% อย่างน้อย 2 เดือน ปกติแล้วจะใช้เวลาพอสมควรในการออกจากภาวะดังกล่าว
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา เกิด Bear Market 11 ครั้งสำหรับดัชนี S&P 500
เฉลี่ยแล้วจะใช้เวลาประมาณ 16 เดือนนับจากจุดเริ่มต้น และจะติดลบประมาณ 35.1%
ที่น่าสนใจจริงๆ คือ ถ้า Bear Market เกิดขึ้นช่วงปกติ เศรษฐกิจยังขยายตัว จะใช้เวลาสั้นกว่ามาก โดยจะใช้เวลาเพียง 6 เดือน และติดลบ 27.9%
แต่ถ้ามี Recession เกิดขึ้นด้วย Bear Market จะใช้เวลาประมาณ 20 เดือน และติดลบประมาณ 37.8%
สำหรับครั้งนี้ นับจากวันที่ 3 มกราคม จากจุด Peak ของดัชนี S&P 500 ซึ่งหมายความว่า เราผ่านมาแล้ว 6 เดือน
ซึ่งหมายความว่า ปัจจัยสำคัญที่จะต้องจับตามองต่อไปในรอบนี้ ก็คือ เศรษฐกิจสหรัฐจะเกิดภาวะ Recession หรือไม่
สงครามกับเงินเฟ้อของเฟดที่เพิ่งเริ่ม จะมี Surprise ใหม่ๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อดัชนีต่างๆ อีกหรือไม่
ซึ่งถ้าเป็นไปตามที่ทุกคนกังวลใจ ที่สงครามกับเงินเฟ้อจะนำไปสู่ Recession ก็หมายความว่า Bear Market จะอยู่กับเราไปอีกระยะเวลาหนึ่ง
คงต้องลงทุนด้วยความระมัดระวังในช่วงนี้
และต้องอดใจรอ เพราะว่าถ้าดูในตารางข้างล่างจาก Wells Fargo จะพบว่า หลัง Bear Market จบ ผลตอบแทนใน 6 เดือน 12 เดือน ก็จะชดเชยกับสิ่งที่เราเสียหายไปได้ครับ