คลังเผยเตรียมชงกฎหมาย ก.ล.ต.ฉบับใหม่ เข้าครม.เดือนเม.ย.นี้ ติดดาบ - เพิ่มอำนาจให้ ก.ล.ต.สามารถปลดผู้บริหารบจ.ที่ละเลยหน้าที่จนกระทบผลการดำเนินงาน - ราคาหุ้น ชี้เป็นกฎหมายที่มีเฉพาะในไทยเท่านั้น ฟากก.ล.ต. ยันร่างกฎหมายใหม่ ไม่ถือว่าเกินกว่าเหตุและมีจุดประสงค์ปกป้องผู้ถือหุ้นรายย่อยเท่านั้น พร้อมออก CG Code ใหม่คุม บจ.สร้างคุณค่าการดำเนินงานอย่างยั่งยืน
*** ชงกฎหมายใหม่เข้า ครม.เดือนหน้า
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผย ว่ากระทรวงการคลัง ได้ร่วมมือกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เพื่อร่วมกันแก้ไขกฎหมาย เพิ่มอำนาจก.ล.ต.ให้มีอำนาจในการจัดการ และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับตลาดทุนได้ทันท่วงที เช่น หากกรรมการ หรือผู้ถือหุ้น ทำอะไรให้เกิดความเสียหายต่อส่วนรวม ก.ล.ต.สามารถเข้าไปบริหารจัดการได้ หรือ เรียกว่าเป็นการติดดาบให้กับก.ล.ต. ซึ่งหากแก้ไขสำเร็จเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับตลาดทุนมากขึ้น โดยคาดว่าจะเสนอให้ครม.พิจารณาได้ในช่วงกลางเดือนเมษายน 2560
"ที่ผ่านมาก.ล.ต.ไม่ได้มีอำนาจมาก แต่ครั้งนี้เราจะเพิ่มอำนาจ เช่น พวกกรรมการทะเลาะกัน ตีกันในการประชุม สามารถเข้าไปจัดการได้ เพราะมันสร้างปัญหาที่ทำให้ราคาหุ้นลง เกิดผลกระทบกับมูลค่าหุ้น เป็นต้น"นายอภิศักดิ์
*** เพิ่มอำนาจ ก.ล.ต. จัดการผู้บริหารละเลยหน้าที่
นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เปิดเผยว่ากฎหมายดังกล่าวจะเพิ่มอำนาจให้ก.ล.ต.สามารถสั่งปลดผู้บริหารของบริษัทในกรณีที่ผู้บริหารไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนเองจนก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท และผู้ถือหุ้น เช่น ผู้บริหารที่ไม่ยอมจัดประชุมผู้ถือหุ้น หรือไม่ยอมเซ็นอนุมัติชำระหนี้ และอื่นๆ เป็นต้น
โดยที่มาของกฏหมายดังกล่าวเป็นไปเพื่อเพิ่มความสามารถให้ก.ล.ต.สามารถจัดการกับตลาดทุนได้มากขึ้น หลังจากที่ปัจจุบันมีบจ.ไทยบางแห่งมีปัญหาที่ไม่สามารถจัดการด้วยกฏหมายแบบเดิมได้ และเป็นกฏหมายที่มีเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น
*** ยันไม่เกินกว่าเหตุ ชี้ช่วยปกป้องผถห.รายย่อย
นายรพี กล่าวเพิ่มเติมว่า กฎหมายใหม่จะช่วยให้กลต.สามารถสั่งปลดผู้บริหารที่ไม่ทำหน้าที่จนบริษัทได้รับความเสียหายได้ ดังเช่นที่กรณีพิพาทที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน และเป็นกฎหมายที่มีเฉพาะในไทยเท่านั้น แต่เรื่องกระบวนการแรกก่อนที่จะปลดเขากำลังหารือกันอยู่ แต่ยืนยันว่าไม่ได้ทำกันได้ง่ายๆ หรือพร่ำเพรื่อ และไม่ใช่การทำเกินกว่าเหตุหรือรุนแรงเกินไป แต่ทำเพื่อผู้ถือหุ้นรายย่อยเท่านั้นซึ่งที่ผ่านมาได้เจรจากับคลังแล้วได้รับความเห็นชอบมาก แต่หากถึงขั้นปลดผู้บริหารออกจากตำแหน่งจริง ก.ล.ต.จะจัดประชุมผู้ถือหุ้นขึ้นทันที เพื่อให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ สามารถเลือกผู้บริหารที่ต้อง การต่อไปได้
*** ออก CG Code คุมบจ.สร้างคุณค่าการดำเนินงานอย่างยั่งยืน
นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ออกหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Corporate Governance Code: CG Code) สำหรับบริษัทจดทะเบียนฉบับใหม่ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับคณะกรรมการบริษัทจดทะเบียนในการปฏิบัติหน้าที่ โดยมุ่งเน้นบทบาทการเป็นผู้นำองค์กร นำพาธุรกิจไปสู่การเจริญเติบโตด้วยการสร้างคุณค่ากิจการอย่างยั่งยืน ครอบคลุมตั้งแต่
(1) การกำหนดวัตถุประสงค์ เป้าหมายของกิจการที่เป็นไปเพื่อสร้างคุณค่าให้กิจการอย่างยั่งยืน (2) การดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย ด้วยการมีคณะกรรมการที่เอื้อให้บรรลุวัตถุประสงค์ ดูแลและพัฒนาผู้บริหารและบุคลากรให้มีความสามารถ ส่งเสริมนวัตกรรมและการประกอบธุรกิจอย่างรับผิดชอบ และ (3) การติดตามและเปิดเผยข้อมูลโดยดูแลให้มีระบบควบคุมภายในและการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม การรักษาความน่าเชื่อถือทางการเงินและการเปิดเผยข้อมูล ตลอดจนการมีส่วนร่วมและการสื่อสารกับผู้ถือหุ้น
ก.ล.ต. คาดหวังว่า คณะกรรมการบริษัทจะนำหลักปฏิบัติ CG Code ไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพทางธุรกิจ (apply or explain) โดยหากเรื่องใดที่คณะกรรมการพิจารณาด้วยความรอบคอบและระมัดระวังแล้วเห็นว่า ยังไม่เหมาะสมที่จะนำไปปรับใช้ ก็ให้อธิบายเหตุผลหรือมาตรการทดแทน และบันทึกไว้ในรายงานการประชุมคณะกรรมการบริษัท ส่วนการเปิดเผยข้อมูลในรายงานประจำปี และแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (แบบ 56-1) รวมทั้งการประเมิน CGR ยังเป็นไปตามแนวปฏิบัติเดิม ซึ่งได้นำมารวมเป็นส่วนหนึ่งของ CG Code นี้แล้ว
“อยากให้คณะกรรมการบริษัทจดทะเบียนเห็นว่า การมี CG ที่ดี และการนำ CG Code ไปปรับใช้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของบริษัทเอง โดยผู้ถือหุ้น ลูกค้า และผู้ที่เกี่ยวข้องก็จะได้ประโยชน์ควบคู่กันไปด้วย CG Code นี้จะช่วยให้คณะกรรมการบริษัทเข้าใจบทบาทของตนในการนำพาให้บริษัทบรรลุวัตถุประสงค์ที่ดี สามารถปรับตัวได้ และนำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับธุรกิจตามสมควร สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ หรือไทยแลนด์ 4.0 ที่มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่ม การนำนวัตกรรมมาใช้ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน” นายรพีกล่าว
*** ตลท.ขานรับ CG Code หวังดันศก.ไทยเติบโตแบบมีคุณภาพ
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งพัฒนาตลาดทุนด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มและส่งเสริมคุณค่าตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจโดยรวมเติบโตอย่างมีคุณภาพ ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจของภาครัฐ Thailand 4.0 และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
ดังนั้น แผนการดำเนินงานปี 2560 ของตลาดหลักทรัพย์ฯ จะส่งเสริมธุรกิจให้ดำเนินกิจการและเปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี ส่งเสริมอุตสาหกรรมใหม่ที่เป็นจุดแข็งของประเทศให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด (new S-curve) สนับสนุน startup ในหลายมิติเพื่อให้ผู้ประกอบการเหล่านี้มีความเข้มแข็งและเติบโต สร้างโครงสร้างพื้นฐานตลาดทุนที่นำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และส่งเสริมผู้ลงทุนให้พิจารณาธุรกิจที่มีการดำเนินงานด้านความยั่งยืน ตลอดจนสร้างความรู้ทางการเงินเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในอนาคต ทั้งนี้ เนื่องจากการเติบโตที่ยั่งยืนของประเทศต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและคนในประเทศให้เติบโตไปพร้อม ๆ กัน
*** ยันเรื่องวัดธรรมกายเล่นหุ้น ไม่กระทบภาพลักษณ์ตลาดทุนไทย
นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เปิดเผย กรณีปัญหาวัดธรรมกายนำเงินวัดเข้ามาซื้อหุ้น นายรพีกล่าวว่า ในช่วงเช้าทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ได้ประสานที่จะขอข้อมูลจากทาง ก.ล.ต.แล้ว
โดย ก.ล.ต.ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นในรายบริษัทได้ แต่ในภาพรวมการเข้ามาซื้อขายหุ้น ไม่ได้มีความผิด แต่ทางก.ล.ต.ได้มีการย้ำและออกหนังสือถึงทางบริษัทหลักทรัพย์ทุกแห่งมาอย่างต่อเนื่อง ว่า บริษัทหลักทรัพย์จะต้องรู้จักตัวตนที่แท้จริงของลูกค้า โดยจะต้องมีการตรวจสอบอย่างเหมาะสม ส่วนการจะเข้าไปดำเนินการตรวจสอบของก.ล.ต. จะทำได้เมื่อมีข้อมูลว่า มีการสร้างราคา หรือมีการปั่นหุ้น หรือมีการใช้ข้อมูลภายในเพื่อซื้อขายหุ้น เท่านั้น
ขณะที่นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีดังกล่าว เป็นเรื่องของการลงทุนของนักลงทุนแต่ละราย จึงไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบบุคคลที่เข้ามาลงทุนได้ ซึ่งเชื่อว่าเหตุการณ์ที่ไม่กระทบภาพลักษณ์การลงทุนในตลท.แน่นอน
ที่มา : Efinancethai