ทุนสำรองระหว่างประเทศ ASEAN-5: ใครยืนหนึ่งเรื่องเสถียรภาพการเงิน?
ในโลกที่เงินทุนเคลื่อนย้ายเร็วพอ ๆ กับทวีตบนโลกโซเชียล “ทุนสำรองระหว่างประเทศ” (International Reserves) จึงไม่ใช่แค่ตัวเลขในบัญชี แต่คือเกราะป้องกันประเทศยามวิกฤต ยิ่งสูง ยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้ตลาด ยิ่งสร้างอำนาจต่อรองในเวทีโลก
เคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางประเทศถึงสามารถผ่านวิกฤตเศรษฐกิจได้อย่างมั่นคง ในขณะที่บางประเทศต้องเจอกับความปั่นป่วนทางการเงินอย่างหนัก? คำตอบสำคัญอยู่ที่ ทุนสำรองระหว่างประเทศ “คลังสมบัติ” ที่ธนาคารกลางเก็บไว้เพื่อปกป้องเศรษฐกิจชาติ!

ทุนสำรองระหว่างประเทศ คือเงินตราต่างประเทศและสินทรัพย์มีค่าที่ธนาคารกลางสะสมไว้เหมือน “กองทุนฉุกเฉิน” ขนาดใหญ่ ที่พร้อมจะถูกดึงมาใช้ในยามวิกฤต เช่น เมื่อเอกชนหรือรัฐบาลไม่สามารถหาเงินตราต่างประเทศในตลาดได้ หรือเมื่อค่าเงินของประเทศกำลังจะผันผวนจนทำให้เศรษฐกิจสั่นคลอน ธนาคารกลางก็จะใช้ทุนสำรองนี้เข้ามา “ปราบปราม” ความผันผวนเหล่านั้น เพื่อรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงของประเทศ
แต่คำถามคือ… ประเทศควรมีทุนสำรองมากแค่ไหนถึงจะปลอดภัย? มีเกณฑ์สากลที่บอกว่า หากทุนสำรองของประเทศสามารถรองรับการนำเข้าสินค้าและบริการได้มากกว่า 3 เดือน หรือสามารถชำระหนี้ต่างประเทศระยะสั้นที่ครบกำหนดใน 1 ปีข้างหน้าได้ทั้งหมด นั่นแปลว่า “ประเทศนั้นมีเกราะป้องกันทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเพียงพอ!”
ASEAN-5: อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย — ใครแกร่งสุด?
สิงคโปร์ – ยืนหนึ่งแบบทิ้งห่าง
ทุนสำรองกว่า 3.9 แสนล้านดอลลาร์ (ณ เม.ย. 2025) มากที่สุดในกลุ่ม ASEAN-5 และติดอันดับต้น ๆ ของโลกเมื่อเทียบกับ GDP ด้วยความเป็นศูนย์กลางการเงินโลก สิงคโปร์จึงสะสมทุนสำรองมหาศาลเพื่อรองรับความผันผวนของตลาดโลกและรักษาเสถียรภาพค่าเงิน
ไทย – รองแชมป์ที่ยังมั่นคง
ไทยมีทุนสำรองราว 2.6 แสนล้านดอลลาร์ แม้ลดลงเล็กน้อยในช่วงปี 2024 จากการใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนแบบยืดหยุ่นเพื่อประคองเศรษฐกิจ แต่ยังถือว่าแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับหนี้ต่างประเทศระยะสั้น และเพียงพอต่อการนำเข้าเกิน 8 เดือน
อินโดนีเซีย – เสถียรแต่ต้องระวัง
ทุนสำรองอยู่ที่ 1.5 แสนล้านดอลลาร์ แม้เพิ่มขึ้นจากการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ แต่ยังเผชิญแรงกดดันจากทุนไหลออกและค่าเงินที่ผันผวนง่าย
มาเลเซีย – เกาะกลางระหว่างความมั่นคงและความเปราะบาง
ทุนสำรองที่ราว 1.2 แสนล้านดอลลาร์ ยังถือว่าอยู่ในระดับที่เพียงพอ แต่มีความเสี่ยงจากการพึ่งพาการส่งออกสินค้าเทคโนโลยีที่ขึ้นอยู่กับวัฏจักรโลก
ฟิลิปปินส์ – ตัวเลขลดลงแต่ยังไม่วิกฤต
ทุนสำรองประมาณ 1.1 แสนล้านดอลลาร์ ลดลงจากระดับสูงสุดในช่วงโควิด โดยยังพอรองรับการนำเข้าได้ราว 7 เดือน แต่หากสถานการณ์การนำเข้า-ส่งออกผันผวนมากกว่านี้ อาจต้องระวัง
ไทยรู้ซึ้งดีว่า ทุนสำรองฯ ไม่ใช่แค่ของสะสม แต่คือเครื่องมือประคองเสถียรภาพยามวิกฤต
ทุนสำรองที่มาก ไม่ได้แปลว่าเศรษฐกิจจะแข็งแรงเสมอไป แต่มันคือ “กันชน” สำคัญในโลกที่เปราะบาง ใครมีมากย่อมรับแรงสั่นสะเทือนได้ดีกว่า
อย่าหลงกับตัวเลขรวม เพราะ “มาก” อาจยังไม่ “พอ” ถ้าไม่เข้าใจว่าเงินนั้นต้องรองรับอะไร
การวิเคราะห์ที่แท้จริงต้องมองลึกทั้ง “ภาระนำเข้า” และ “หนี้ระยะสั้น”
และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ:
ในโลกที่ไม่แน่นอน “ความยืดหยุ่น” คือแต้มต่อที่ประเมินค่าไม่ได้
.
เรื่องและภาพ: กุสุมา ธะนะวงศ์ Economist, Bnomics
════════════════
ที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก.. Bnomics by Bangkok Bank