ห้องเม่าปีกเหล็ก

ส่องทรัพย์สิน ‘ยิ่งลักษณ์’ ชดใช้หมื่นล้าน คดีข้าวจีทูจี

โดย มูซาซิ
เผยแพร่ :
111 views

ส่องทรัพย์สิน ‘ยิ่งลักษณ์’ ชดใช้หมื่นล้าน คดีข้าวจีทูจี

 

  • รูดม่านปิดฉาก มหากาพย์คดีทุจริตจำนำข้าว บรรทัดสุดท้าย "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"
  • อดีตนายกฯ "นารีขี่ม้าขาว" ถูกศาลปกครองสูงสุด พิพากษาแก้ สั่งชดใช้ค่าเสียหายกว่าหมื่นล้านบาท
  • แม้คำสั่งให้ชดใช้ 3.5 หมื่นล้านบาท จากกรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายโครงการจำนำข้าว จะมิชอบ
  • แต่ยังเหลือวิบากกรรม ปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในการระบายข้าวจีทูจี
  • เสียหายกว่า 2 หมื่นล้านบาท จึงต้องร่วมชดใช้ถึง 50% รวมวงเงินกว่า 10,028 ล้านบาท
  • ส่องทรัพย์สิน ยื่นครั้งสุดท้ายพ้นเก้าอี้ครบ 1 ปี ตอน 2558 รวย 610 ล้านบาท ก่อนเจ้าตัวลั่น "ชดใช้ชั่วชีวิตก็ไม่หมด"

 

 

เป็นอันว่า คดีทางปกครอง กรณีรับผิดทางละเมิดของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เนื่องจากศาลปกครองสูงสุด “พิพากษาแก้” คำสั่งศาลปกครองกลาง (ชั้นต้น) ให้เธอต้องชดใช้ความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว จำนวน 10,028 ล้านบาท

โดยสาระสำคัญในคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดคือ วินิจฉัยเพิกถอนคำสั่งของกระทรวงการคลัง ที่สั่งให้อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าว 3.5 หมื่นล้านบาท แต่สั่งให้ชดใช้ค่าเสียหาย ที่เกิดเฉพาะในส่วนของการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) 50% ของมูลค่า 20,000 ล้านบาท เนื่องจากเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป็นการใช้อำนาจทางปกครองดำเนินการ

ทั้งนี้ ป.ป.ช. และ สตง. เคยทำหนังสือเตือนว่า อาจมีการทุจริต แต่"ยิ่งลักษณ์"กลับไม่ดำเนินการใดๆ เพื่อระงับยับยั้ง จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทำให้เจ้าหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ ทำให้เกิดความเสียหายต่อรับการเงินการคลังของประเทศ มูลค่า 20,057,723,761 บาท และไม่มีเหตุอันควรยกเว้นความผิด จึงให้ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่กระทรวงการคลัง ร้อยละ 50 ของความเสียหาย จำนวน 10,028,861,880 บาท

ในส่วนความรับผิดทางละเมิด คดีเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวยังไม่จบ ยังเหลือคดีของ “บุญทรง เตริยาภิรมย์-ภูมิ สาระผล” 2 อดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ ยุครัฐบาล “นารีขี่ม้าขาว” ที่แม้ศาลปกครองกลาง สั่งให้ “บุญทรง-ภูมิ” พร้อมด้วยอดีตบิ๊กข้าราชการในกระทรวงพาณิชย์รวม 5 คน ชดใช้ค่าเสียหาย จากการทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจีกว่า 2 หมื่นล้านบาทไปแล้ว แต่ “บุญทรง-ภูมิ” ได้อุทธรณ์คำพิพากษา คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาในศาลปกครองสูงสุด ต้องรอดูว่าศาลจะนัดฟังคำพิพากษาวันไหน

  • ความเสียหายโครงการ 1.7 แสนล้าน

กรณี “ยิ่งลักษณ์” ก่อนหน้านี้เมื่อปลายปี 2559 เธอถูกหัวหน้า คสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ สั่งให้กระทรวงการคลัง ดำเนินการเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง ต่อมามีการคำนวณวงเงินความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว อย่างน้อย 1.7 แสนล้านบาท ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่า อาจน้อยกว่าตัวเลขที่แท้จริง เพราะในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ “ยิ่งลักษณ์” ถูกจำคุก 5 ปี ฐานไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวนั้น มีการเปิดเผยตัวเลขตอนไต่สวนว่า โครงการนี้อาจเสียหายมากถึง 2.8 แสนล้านบาท โดยตัวเลข 1.7 แสนล้านบาทที่น้อยลงกว่าครึ่งหนึ่ง 

เธอยังถูกพิจารณาให้ชดใช้ความเสียหายแค่ 20% ของความเสียหายทั้งหมด นั่นคือราว 3.5 หมื่นล้านบาทเท่านั้น แม้ว่าสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ในขณะนั้น จะพยายามชงเรื่องให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงก็ตาม แต่ก็ไม่เป็นผล

ต่อมาปี 2560 “ยิ่งลักษณ์” ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่เรียกค่าเสียหายจากเธอ 3.5 หมื่นล้านบาท พร้อมขอให้ศาลออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ในการอายัดทรัพย์สิน

ปี 2566 ศาลปกครองชั้นต้น พิพากษาเพิกถอนคำสั่ง กระทรวงการคลังที่ให้ “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้ 35,717,273,028.23 บาท และสั่งเพิกถอนการอายัดทรัพย์สิน เพื่อดำเนินการขายทอดตลาดที่สืบเนื่องจากคำสั่งกระทรวงการคลังดังกล่าว

  • คลังต้องแจ้งให้ชดใช้ 10,028 ล้านบาท

ล่าสุดวานนี้ (22 พ.ค.2568) หลังคดีนี้ดำเนินมาอย่างยาวนานราว 8 ปี ก็ถึงจุดสิ้นสุด เมื่อศาลปกครองสูงสุดพิพากษาแก้คำสั่งศาลปกครองชั้นต้น โดยแก้ไขตัวเลขที่เธอต้องชดใช้จากเดิม 3.5 หมื่นล้านบาท เหลือเพียง 10,028 ล้านบาท

เมื่อมีคำพิพากษาดังกล่าว ทำให้คดีรับผิดทางละเมิดของอดีตนายกฯ ถึงที่สิ้นสุดแล้ว ขั้นตอนต่อไป กระทรวงการคลังจะต้องแจ้งให้ยิ่งลักษณ์ มาชำระหนี้ภายในกำหนด หากไม่ชำระ จะมีอำนาจฟ้องศาลปกครองอีกคดีหนึ่ง เนื่องจากดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นข้าราชการการเมือง ถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามความหมายในมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 

ส่วนตำแหน่งประธานกรรมการนโยบายข้าว ถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และคำสั่งกระทรวงการคลังเป็นคำสั่งทางปกครอง ตามมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ.วิธีปฎิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 คดีจึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (1) แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542

  • ส่องทรัพย์สินปี 58 แจ้ง 610 ล้าน 

ก่อนหน้านี้ “ยิ่งลักษณ์” ถูกกรมบังคับคดีอายัดทรัพย์สินไว้ตั้งแต่ปี 2560 ภายหลังศาลปกครองกลาง ยกคำร้องคำขอทุเลาการบังคับคำสั่งทางปกครอง ไม่ได้สั่งคุ้มครองชั่วคราวในคดีนี้ เนื่องจากเห็นว่า อาจมีพฤติการณ์ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินเกิดขึ้นได้

โดยเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์ 37 รายการ ราคาประเมินรวม 176,258,934.50 บาท แบ่งเป็น 1.บัญชีเงินฝาก 16 บัญชี 2.เงินส่วนแบ่งทรัพย์สินในคดีล้มละลาย ของศาลล้มละลายกลาง 3. ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และห้องชุดใน กทม.และสมุทรปราการ

ในคำวินิจฉัยของศาลปกครองกลางตอนหนึ่ง ที่ยกคำร้องไม่คุ้มครองชั่วคราวในทรัพย์สินของเธอซึ่งถูกอายัดนั้น ระบุเหตุผลว่า บัญชีเงินฝากที่อายัดไว้ 16 บัญชี กรมบังคับคดีได้ชี้แจงต่อศาลว่า ตามบัญชีแสดงรายการทรัพย์และหนี้สินของยิ่งลักษณ์ ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. เมื่อพ้นจากตำแหน่งครบ 1 ปี มีเงินรวม 24,908,420.28 บาท เปรียบเทียบกับการอายัดเงินฝากในธนาคารของกรมบังคับคดี 16 บัญชี มี 1,969,884.31 บาท ลดลงจากเดิม 22,938,535.97 บาท หรือร้อยละ 92.09

  • พฤติการณ์ยักย้ายเหตุศาลยกคำร้อง

เงินที่หายไปจำนวนมากเช่นนี้ศาลได้แจ้งข้อมูลแก่ยิ่งลักษณ์ แต่เจ้าตัวไม่ชี้แจงหรือโต้แย้งใดๆ ศาลปกครองจึงได้ลงความเห็นว่า กรณีจึงน่าเชื่อได้ว่ายิ่งลักษณ์มีพฤติการณ์ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินดังกล่าวจริง จึงเป็นหนึ่งในเหตุที่ศาลปกครองยกคำร้อง การขอทุเลาการบังคับคำสั่งทางปกครอง

เมื่อพลิกข้อมูลทรัพย์สินยิ่งลักษณ์ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช.กรณีพ้นตำแหน่งนายกฯ ครบ 1 ปี เทียบกับข้อมูลที่ชี้แจงต่อศาลปกครองกลาง พบว่า มีทรัพย์สิน 610,843,436 บาท เป็นเงินสด 14,298,120 บาท เงินฝาก 24,908,420 บาท เงินลงทุน 115,531,804 บาท เงินให้กู้ยืม 108,301,369 บาท ที่ดิน 117,186,350 บาท สิ่งปลูกสร้าง 162,368,182 บาท รถยนต์ 21,990,000 บาท สิทธิและสัมปทาน (กรมธรรม์ประกันชีวิต) 596,189 บาท ทรัพย์สินอื่น (เครื่องประดับ) 45,690,000 บาท 

ส่วน “อนุสรณ์ อมรฉัตร”สามีนอกสมรส มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 76,633,895 บาท และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สิน 1,535,795 บาท

ยิ่งลักษณ์แจ้งรายได้รวมต่อปี 9,512,548 บาท เป็นค่าเช่า 888,000 บาท ดอกเบี้ย 2.3 ล้านบาท เงินปันผล 4 ล้านบาท ได้เงินคืนจากการชำระหนี้ของบริษัท แอ็ด อินเด็กซ์ จำกัด บางส่วน 2 ล้านบาท ได้เงินทุนเลี้ยงชีพจากกองทุนผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา ระหว่าง ธ.ค. 2556-มี.ค.2558 เป็นเงิน 324,548 บาท มีรายจ่ายรวมต่อปี 3,920,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภค 3.6 ล้านบาท ค่าเบี้ยประกัน 3.2 แสนบาท

อย่างไรก็ดี ทรัพย์สิน “ยิ่งลักษณ์” ที่ชี้แจงต่อศาลปกครองช่วงต้นปี 2560 ว่า มีรายจ่ายต่อเดือน 2,650,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือน 1 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายทางการศึกษาของบุตร 2 แสนบาท ค่าที่ปรึกษาทางกฎหมาย และค่าดำเนินคดี 2 แสนบาท ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 8 แสนบาท และค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือ เยี่ยมเยือนประชาชน 4.5 แสนบาท 

น่าสังเกตว่า รายจ่ายต่อเดือนของยิ่งลักษณ์ ช่วงต้นปี 2560 สูงมาก เกือบเทียบเท่ารายจ่ายต่อปีในปี 2558 เลยทีเดียว

  • เปิดบัญชีทรัพย์สินยิ่งลักษณ์ปัจจุบัน

ยิ่งลักษณ์อ้างว่า ปัจจุบันมีรายได้จากดอกเบี้ย และเงินฝากในบัญชีธนาคารเท่านั้น พร้อมแนบสำเนาบัญชีเงินฝากของธนาคาร 4 แห่ง

ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ สาขาซอยอารี 4 บัญชี ธนาคารกรุงเทพ สาขาศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติอาคาร A รวม 9 บัญชี ธนาคารกสิกรไทย รวม 4 บัญชี และธนาคารยูโอบี สาขาวิภาวดีรังสิต 9 รวม 2 บัญชี

เมื่อส่องบัญชีเงินฝากของธนาคารเหล่านั้น ในช่วงยื่นบัญชีทรัพย์สินเมื่อปี 2558 พบว่า ธนาคารกรุงเทพ สาขาซอยอารี มีทั้งหมด 6 บัญชี แต่ตามที่ยิ่งลักษณ์ ระบุล่าสุด พบว่ามีแค่ 3 บัญชีที่แจ้งในบัญชีทรัพย์สินช่วงนั้น

โดยบัญชีเลขที่ 127-4-20316-3 มีเงินฝากประมาณ 45 ล้านบาท หมายเหตุแจ้ง ป.ป.ช.ว่า ไม่มีเงินฝากของยิ่งลักษณ์ แต่เป็นเงินที่ครอบครองในส่วนที่เหลือของการขายหุ้นชินคอร์ปฯ ตามข้อเท็จจริงในการไต่สวนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วินิจฉัยว่า ทักษิณ ชินวัตร (อดีตนายกฯ พี่ชายยิ่งลักษณ์) ยังคงถือไว้ซึ่งหุ้นชินคอร์ปฯ จำนวนที่ขายให้กับยิ่งลักษณ์ไปแล้ว และเคยแจ้งข้อเท็จจริงในการครอบครองไว้ 77 ล้านบาท และระหว่างวันที่ 22 มิ.ย.2555 - 6 พ.ค.2558 ได้ยืมเงินฝากในบัญชีดังกล่าวส่วนของทักษิณ รวม 33,070,803 บาท โดยไม่คิดดอกเบี้ย

บัญชีเลขที่ 127-4-83724-2 มีวงเงิน 59,463 บาท ส่วนบัญชีเลขที่ 127-4-91339-9 มีวงเงิน 15,562,161 บาท โดยหมายเหตุแจ้ง ป.ป.ช. ว่า เป็นบัญชีใหม่รับโอนเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพกลุ่มบริษัทเอสซี แอสเสท ซึ่งจดทะเบียนแล้ว ส่วนบัญชีเลขที่ 127-4-91898-9 ไม่มีปรากฏในบัญชีทรัพย์สิน อาจเป็นไปได้ว่า ยิ่งลักษณ์เปิดบัญชีเพิ่มเติมภายหลัง

ส่วนธนาคารกสิกรไทย 4 บัญชี มีวงเงินรวม 4,879,040 บาท โดยมีบัญชีเลขที่ 799-2-56169-2 หมายเหตุแจ้ง ป.ป.ช. ว่า มีเงินจำนวน 3,381,345 บาท ที่ได้รับจากการปันผลหลักทรัพย์หุ้น บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น

ธนาคารยูโอบี สาขาวิภาวดีรังสิต 2 บัญชี มีวงเงินรวม 1,741,154 บาท ส่วนธนาคารกรุงเทพ สาขาศูนย์ราชการฯ รวม 9 บัญชี ที่แจ้งต่อศาลปกครองนั้น ไม่ปรากฏในบัญชีทรัพย์สิน อาจเป็นไปได้ว่ายิ่งลักษณ์เปิดบัญชีเพิ่มเติมภายหลัง

ส่วนที่ดิน 2 แปลง ที่ยิ่งลักษณ์ แจ้งต่อศาลปกครอง คือที่ดินโฉนดเลขที่ 16505 และ 70389 ใช้ปลูกสร้างบ้านเลขที่ 38/9 ซอยนวมินทร์ 111 แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. (ในบัญชีทรัพย์สินระบุด้วยว่าพร้อมสนามฟุตบอล) รวมมูลค่าที่แจ้งในบัญชีทรัพย์สินที่ดิน 2 แปลง และบ้านหลังดังกล่าว 134 ล้านบาท (เฉพาะบ้าน 110 ล้านบาท) แต่ที่ดินโฉนดเลขที่ 25401 ที่ยิ่งลักษณ์แจ้งต่อศาลว่า ใช้ปลูกสร้างบ้านพักอาศัยของคนงาน ลูกจ้าง และบริวาร และใช้เป็นที่สำหรับจอดรถ ไม่ปรากฏในบัญชีทรัพย์สินแต่อย่างใด

 

 

ที่มา..  https://www.bangkokbiznews.com/politics/1181529

 


มูซาซิ