SGC เปิดเทรดวันแรกราคาบวก 4.10%
ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 66 เติบโต 17%
เตรียมขยายพอร์สินเชื่อใหม่อีก 7.7 พันล้านบาท

.
SGC กางแผนปี 66 เตรียมขยายพอร์ตสินเชื่อใหม่อีก 7.7 พันล้านบาท หวังดันรายได้ปีหน้าโต 17% พอใจราคาซื้อขายวันแรกที่ 4.06 บาทหรือเพิ่มขึ้น 4.10%จากราคาไอพีโอที่ 3.90 บาท ชี้นักลงทุนตอบรับดีหลังเห็นผลงานในอดีต
.
นางสาวบุษบา กุลศิริธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC เปิดเผยว่า แผนธุรกิจในปี 2566 บริษัทตั้งเป้ายอดปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่มอีก 7.7 พันล้านบาท ซึ่งจะเจาะกลุ่มเป้าหมายในกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทหรือกลุ่มฐานผู้ประกอบการ โดยปัจจุบันมียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 1.55 หมื่นล้านบาท
.
สำหรับการควบคุมลูกหนี้ที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต (NPL) ต่อสินเชื่อรวมบริษัทจะรักษา NPL ของกลุ่มสินเชื่อรถทำเงินไม่ให้เกิน 1% ส่วนกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าปัจจุบันอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงหรือ 7.6% ซึ่งบริษัทจะพยายามรักษาไม่ให้สูงไปกว่านี้
.
ด้านรายได้ในปี 2566 จะยังคงสามารถเติบโตได้ในระดับ 17% ตามการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อใหม่และการเก็บดอกเบี้ยจากพอร์ตสินเชื่อเดิม ซึ่งในปี 2565 บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายโดยในงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1.66 พันล้านบาท เติบโต 27% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
.
ทั้งนี้ราคาเปิดซื้อขายวันในแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET)ที่ 4.06 บาทหรือเพิ่มขึ้น 4.10%จากราคาไอพีโอที่ 3.90 บาท ส่วนตัวค่อนข้างพอใจกับราคาดังกล่าว ซึ่งราคาที่ปรับตัวขึ้นมาเชื่อว่าเป็นผลจากการตอบรับของกลุ่มนักลงทุนที่มีความเชื่อและความสนใจในธุรกิจของบริษัท หลังจากเห็นตัวเลขผลประกอบการในอดีต
.
โบรกเคาะราคาเป้าหมาย 6 บาท
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด คาดการณ์กำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ปี 2564-2566 ที่ 36%ต่อปีหลังเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยคาดรายได้จากดอกเบี้ยปี 2565 อยู่ที่ 2,159 ล้านบาท เติบโต 24%จากปีก่อน โดยคาดว่าจะมี Loan growth ราว 30% สู่ 1.41 หมื่นลบ. ได้แรงหนุนจาก 1) การเพิ่มจำนวนพนักงานขายจากปัจจุบันที่ 274 คนเป็น 344 คน เพิ่มขึ้น 26% เพื่อขยายฐานลูกค้าสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ
.
2) ปลดล็อกวงเงินในการปล่อยสินเชื่อหลังเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ทำให้ D/E Ratio ลดลงจาก 3.7 เท่า เหลือ 1.3-1.7 เท่า และ 3) เพิ่มพันธมิตรใหม่ต่อเนื่องเพื่อขยายสินเชื่อสวัสดิการพนักงาน ด้านอัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเทียบกับรายได้รวมลดลงจาก 28.8% สู่ 27.5% เพราะรายได้จากดอกเบี้ยเติบโตตามการขยายสินเชื่อ แต่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายบุคลากรซึ่งบางส่วนเป็นต้นทุนคงที่ เมื่อพิจารณาเป็นตัวเงินเพิ่มขึ้นจาก 500 ล้านบาทสู่ 594 ล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนหนี้สงสัยจะสูญและผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อลูกหนี้เช่าซื้อ (ECL/Total Loan) จะทรงตัวที่ระดับ 2.7% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและประชาชนยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 เมื่อพิจารณาเป็นตัวเงินเพิ่มขึ้นจาก 203 ลบ.สู่ 333 ล้านบาท
.
ทั้งนี้เราคาดการณ์กำไรปี 2565 อยู่ที่ 682 ล้านบาท เติบโต 15 %จากปีก่อน และคาดการณ์รายได้และกำไรปี 2566 ที่ 2,650 ล้านบาท (สมมติฐาน Loan Growth 23% สู่ 1.73 หมื่นล้านบาท) และ 860 ล้านบาท เติบโต 23% และ 36% ตามลำดับ
.
ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าด้วยวิธี Prospective P/E Ratio โดยอ้างอิง P/E Ratio ที่ 23 เท่าซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปีของบริษัท HENG MICRO MTC SAWAD THANI TIDLOR และ TSR ดำเนินธุรกิจให้บริการสินเชื่อที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน โดยมีรายละเอียดตามตารางด้านล่าง และคาดกำไรต่อหุ้น (EPS) สำหรับปี 2566 ที่ 0.26 บาทต่อหุ้นได้ราคาเหมาะสมที่ 6.00 บาทต่อหุ้นสำหรับปี 2566