เจาะพื้นฐาน 3 หุ้นเทคฯ ตลาดหุ้นไทย
เตรียมรับอานิสงส์ภาครัฐปรับโฉมสู่ดิจิทัล
.
การเปลี่ยนแปลงของรัฐบาล ถือปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อภาคธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ เพราะด้วยการปรับโครงสร้างต่างๆ ตั้งแต่นโยบายไปจนถึงแบบแผนที่จะใช้ผลักดันการพัฒนาประเทศและเศรษฐกิจต่อจากนี้ไปจนถึงอนาคต ย่อมสร้างประโยชน์และผลกระทบให้แก่ผู้ประกอบการ
.
แต่ถ้าหากจพูดถึงภาคธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายของภาครัฐไปยุคของพรรคก้าวไกลและพรรคร่วม แน่นอนกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีก็เป็นอีกหนึ่งที่ได้รับประโยชน์ด้วยเช่นกัน แต่จะได้รับประโยชน์เช่นไร ในวันนี้ทาง Wealthy Thai จะพาไปชมกันพร้อมกับกลยุทธ์การลงทุนหุ้นรายตัวในกลุ่มหุ้นดังกล่าว
.
โดยบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) มีมุมมองบวกกับวิสัยทัศน์ของพรรคก้าวไกล พรรคแกนนำที่มีโอกาสตั้งรัฐบาล ซึ่งได้ประกาศแผนปรับเปลี่ยนการทำงานของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) โดยภารกิจหลักจะเน้นที่การปรับเปลี่ยนการทำงานของหน่วยงานภาครัฐให้มีการนำระบบดิจิทัลมาใช้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในระยะยาว
.
ขณะเดียวกันแผนที่ประกาศออกมายังจะช่วยกระตุ้นให้ภาคเอกชนมีความรับรู้มากขึ้นเกี่ยวกับความสำคัญของ digital transformation ซึ่งสามในห้า ภารกิจหลักซึ่งได้แก่ Single digital ID, โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและกฎหมายคุ้มครองข้อมูล และความปลอดภัยทางไซเบอร์ ต้องมีการลงทุนซึ่งอาจจะมีส่วนที่ต้องเกี่ยวข้องกับกลุ่มเทคโนโลยี
.
ทั้งนี้ มองบวกกับวิสัยทัศน์ของว่าที่รัฐบาลใหม่ ถึงแม้ว่าในขณะนี้บริษัทส่วนใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีจะมีรายได้จากภาครัฐต่ำกว่า 10% แต่เชื่อว่าสัดส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นในอนาคตถ้าหากว่าที่รัฐบาลใหม่มีเจตนาจะผลักดัน digital transformation มากขึ้น สำหรับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมีรายได้จากหน่วยงานภาครัฐ โดย BBIK ต่ำกว่า 5%, BE8 ต่ำกว่า 10%, IIG ต่ำกว่า 5%, DITTO 63%, AIT 65%(รวมรัฐวิสาหกิจ) และ GABLE น้อยกว่า 10%
.
สำหรับปัจจัยพื้นฐานหุ้นรายตัว BBIK บทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้คำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 160 บาท ด้วยกำไรไตรมาส 2/66 ที่จะเติบโตโดดเด่นต่อเนื่อง รวมถึงกำไรในปี 2566-2567 ยังมีโอกาสอัพไซด์ได้อีกหากดีลซื้อกิจการใหม่ประสบความสำเร็จ
.
ทั้งนี้ประมาณการกำไรปกติปี 2566 ใกล้เคียงเดิมที่ 262 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดดได้ต่อเนื่องหรือโตจากปีก่อนหน้า97% จากทั้งธุรกิจเดิมของ BBIK ที่ยังคงเติบโตได้ดี, การขยายตลาดในต่างประเทศเพิ่มขึ้น, การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก ORBIT ได้มากขึ้นและจะได้จากผลบวกจาก 2 บริษัทใหม่ ได้แก่ VDD และ Innoviz
.
ด้าน BE8 บทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ให้คำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 91 บาท โดยคาดกำไรไตรมาส 2/66 ยังดีต่อเนื่องที่ 75 ล้านบาท เติบโตตามภายในที่ยังโดดเด่นตามภาพอุตสาหกรรม โดยคงประมาณการกำไร 2566 ที่ 338 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 144%
.
แม้อัตรากำไรอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดดาวน์ไซด์ แต่คาดจะถูกชดเชยด้วยอัพไซด์จากรายได้ที่บริษัทวางเป้า 2.8 พัน ล้านบาท ) ซึ่งปีนี้จะเป็นปีที่เห็น synergy ระหว่างบริษัท อีกทั้งคาดจะเห็นการร่วมทุนเพิ่มเติมและเริ่มเห็นงานจากออสเตรเลียเข้ามาช่วงครึ่งปีหลังปี 2566
.
ขณะที่ IIG บทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ให้คำแนะนำ “หลีกเลี่ยงการลงทุน” ราคาเป้าหมายที่ 25 บาท โดยให้รอดูภาพการฟื้นตัวของผลประกอบการไตรมาส 3/66 หลังจากที่บริษัทคาดจะแก้ไขปัญหาโครงการใหญ่ที่มีปัญหาให้แล้วเสร็จได้ในไตรมาส 2/66
.
ส่วนภาพรวมทั้งปีปรับประมาณการกําไรปี 2566 ลงเพื่อสะท้อนผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรกปี 2566 ที่แย่กว่าคาด จากผลกระทบที่งานชิ้นใหญ่ไม่สามารถส่งมอบได้ ทําให้ทั้งปี 2566 จะมีกําไรอยู่ที่ 2 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 97% และจะกลับมามีกําไรในปี 2567 ที่ 103 ล้านบาท
