CPF กำไร Q2/68 พุ่ง 50 % ที่ 10,377ลบ. กำไรขั้นต้นเพิ่มตามราคาเนื้อสัตว์-รับรู้กำไร CPALL
CPF รายงานกำไร Q2/68 พุ่ง 50% ทะลุ 1 หมื่นล้านบาท จาก กำไรขั้นต้นเพิ่ม -ราคาเนื้อสัตว์ทรงตังสูงและรับรู้กำไรจาก CPALL พร้อมจ่ายเงินปันผล 1.00 บาท ขึ้น XD 29 ส.ค.

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 รายได้จากการขายจํานวน 147,595 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.3 จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลจากการแปลงค่าของงบการเงินกิจการต่างประเทศ หากไม่นับรวมผลกระทบดังกล่าว รายได้จากการขายจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากงวดเดียวกันของปีก่อน
โดยรายได้จากการขายนี้แบ่งเป็นส่วนของกิจการต่างประเทศร้อยละ 62 และกิจการในประเทศไทยร้อยละ 38 (ประกอบด้วยการขายในประเทศไทยร้อยละ 32 และการส่งออกร้อยละ 6) กําไรสุทธิในส่วนของบริษัทจํานวน 10,377 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2567 จำนวน 6,925 ล้านบาท
ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1.) อัตรากําไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 15.4 ของไตรมาส 2 ปี 2567 เป็นร้อยละ 19.8 จากปัจจัยดังนี้
1.1 การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทาน เช่น การบริหารต้นทุนวัตถุดิบ การให้ความสําคัญกับมาตรฐานความปลอดภัยในการผลิตและการป้องกันโรคระบาดอย่างเข้มงวด รวมถึงการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายทีมีประสิทธิผล
1.2 ภาวะโรคระบาดในสัตว์ส่งผลให้ราคาเนื้อสัตว์ในภูมิภาคคงตัวอยู่ในระดับสูงจากอุปทาน เนื้อสัตว์ในตลาดที่ลดลง
2.) ส่วนได้ในกําไรของบริษัทร่วมและการร่วมค้าจำนวน 3,587 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 โดยหลักมาจากผลการดำเนินงานทีดีขึ้นของ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทร่วมค้าในต่างประเทศ
ขณะที่กำไรสุทธิครึ่งแรกปี 2568 จำนวน 18,926 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 134% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร CPF กล่าวว่า ครึ่งปีแรกปีนี้ ซีพีเอฟมียอดขายจำนวน 291,770 ล้านบาท โดยหลักมาจากผลการดำเนินงานจากการดำเนินธุรกิจและการค้าในต่างประเทศ กิจการต่างประเทศคิดเป็น 62% การส่งออกคิดเป็น 5% และการค้าในประเทศไทยคิดเป็น 33% ของยอดขาย
ซีพีเอฟมีการลงทุนและร่วมลงทุนในอีก 16 ประเทศ และส่งออกสินค้าอาหารในอีกมากกว่า 50 ประเทศ หากพิจารณายอดขายของทุกประเทศในสกุลเงินตราท้องถิ่นแล้ว ยอดขายของบริษัทมีการเติบโตประมาณ 6% จากปีก่อน ในงบการเงินได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น ทำให้มีการรายงานยอดขายที่ลดลงประมาณ 1% จากการแปลงค่าเงิน
สำหรับกำไรสุทธิของบริษัทที่เพิ่มขึ้น 134% จากปีก่อน มาจากราคาเฉลี่ยเนื้อสัตว์ทั้งไก่และสุกรในหลายประเทศอยู่ในระดับที่สูงกว่าช่วงครึ่งปีแรกของปีที่แล้ว เป็นผลจากปริมาณเนื้อสัตว์ในหลายประเทศมีจำนวนน้อยลง จากการเกิดภาวะโรคระบาดในการเลี้ยงสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นโรคไข้หวัดนกที่เกิดขึ้นมากกว่า 40 ประเทศ และโรคอหิวาห์สุกร หรือ ASF ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย นอกจากนั้น ในปีนี้ต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ลดลงจากราคากากถั่วเหลืองในหลายประเทศที่อยู่ในระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมา รวมทั้ง การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิผล ทำให้ในภาพรวมบริษัทมีต้นทุนที่ต่ำลงจากปีก่อน
ซีพีเอฟให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยในการผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าอาหารคุณภาพปลอดภัย และมีโภชนาการอาหารที่ดีให้กับผู้บริโภค จึงให้ความสำคัญกับการเป็นองค์กรนวัตกรรมรอบด้าน รวมถึงระบบการป้องกันโรคระบาดในการเลี้ยงสัตว์ ทำให้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา บริษัทสามารถบริหารจัดการบริหารความเสี่ยงจากโรคระบาดในการเลี้ยงสัตว์ได้ดี
นายประสิทธิ์ กล่าวถึง ผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปี 2568 คาดว่าจะยังคงอยู่ในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของภาษีทรัมป์นั้น บริษัทมีการส่งออกกุ้งไปยังสหรัฐอเมริกาไม่ถึง 0.1% ของยอดขาย โดยบริษัทมีโรงงานผลิตอาหารสำเร็จรูปจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาอยู่แล้ว และมีแผนงานที่จะขยายการลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางในการดำเนินงานของกิจการในต่างประเทศของซีพีเอฟ ที่เป็นรูปแบบ localization หรือ ผลิตในประเทศ และจำหน่ายในประเทศนั้นเป็นหลัก
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2568 ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนปีนี้ ในอัตราหุ้นละ 1.00 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 1 กันยายน 2568 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 กันยายนนี้
ที่มา. https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1194314