ห้องเม่าปีกเหล็ก

PTTEP หุ้น Value Stock กับการเติบโตที่ไม่พึ่งพาน้ำมัน

โดย Durant
เผยแพร่ :
84 views

PTTEP หุ้น Value Stock กับการเติบโตที่ไม่พึ่งพาน้ำมัน

อย่างที่ทราบกันดีแล้วว่า เมื่อน้ำมันโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น บริษัทที่ได้รับประโยชน์ในนั้น ย่อมมีชื่อ PTTEP หรือ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ที่ทำธุรกิจต้นน้ำ โดยดำเนินธุรกิจด้านการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ธุรกิจขนส่งก๊าซทางท่อในต่างประเทศ และการลงทุนในธุรกิจต่อเนื่อง

 

แน่นอนว่าเมื่อราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสูง ความน่าสนใจของ PTTEP ก็จะอยู่ในเรดาร์ของนักลงทุน แต่เมื่อราคาน้ำมันปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง PTTEP ก็จะอยู่ในหุ้นที่รับผลกระทบอันดับแรกเช่นเดียวกัน ยิ่งช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ที่เป็นช่วงระบาดอย่างรุนแรงของ COVID-19 ทำให้หลายประเทศมีการล็อกดาวน์ ซึ่งส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ซบเซาอย่างมาก

 

ทั้งนี้เป็นเหตุทำให้ราคาหุ้นในช่วงครึ่งปีแรก 2563 ของ PTTEP ปิดการซื้อขายที่ 91.75 บาท ลดลง 26.31% จากราคาก่อนหน้าที่ 124.50 บาท นับว่าเป็นหุ้นที่ปรับตัวลดลงเป็นอันดับ 6 ของหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยในช่วงดังกล่าวทำจุดต่ำสุดที่ 50.50 บาท เมื่อวันที่ 13 มี.ค.63 อย่างไรก็ตามหากนับจากจุดต่ำสุดดังกล่าว จนถึงปัจจุบัน (28 ก.ย.63) ราคาหุ้น PTTEP ในวันดังกล่าวปิดการซื้อขายที่ 81.75 บาท เพิ่มขึ้น 36.25% จากจุดต่ำสุด

 

ในช่วงนี้ราคาน้ำมันค่อนข้างผันผวนไม่แพ้ตลาดหุ้น โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (21-25 ก.ย.63) ราคาน้ำมันค่อนข้างผันผวนอย่างมาก เนื่องจากความกังวลต่อการระบาดของ COCID-19 ที่ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในหลายประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสหราชอาณาจักรที่มีโอกาสประกาศปิดประเทศอีกครั้ง รวมทั้งความกดดันต่อแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาที่มีแนวโน้มล่าช้า

 

แต่ล่าสุด หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมันของ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ได้ประเมินแนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบระหว่างวันที่ 28 ก.ย.ถึงวันที่ 2 ต.ค. โดยระบุว่า ราคาน้ำมันดิบยังคงเคลื่อนไหวในระดับต่ำ หลังตลาดยังคงกังวลเกี่ยวกับความต้องการใช้น้ำมันที่อ่อนแอ่ เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสหราชอาณาจักรได้ประกาศใช้มาตรการเข้มงวดทางสังคมอีกรอบ หลังจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มอีกครั้งในรอบเกือบ 4 เดือน

 

นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับเพิ่ม เนื่องจากลิเบียเตรียมปรับเพิ่ม กำลังการผลิต หลังบริษัทน้ำมันแห่งชาติลิเบีย (NOC) ประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำมันดิบสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวลดลง หลังกำลังการผลิตได้รับผลกระทบจากพายุที่พัดขึ้นฝั่งบริเวณตอนกลางของอ่าวเม็กซิโก

 

จากราคาน้ำมันที่ไม่สามารถควบคุม และคาดเดาได้อย่างแม่นยำ โดย PTTEP มีแผนขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายสัดส่วนกำไรสุทธิ 20% ใน 10 ปีข้างหน้า ล่าสุด PTTEP ได้ประกาศร่วมทุนกับ บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ โดยจัดตั้ง บริษัท ซีเควสต์ จำกัด เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์สำหรับให้บริการงานวิศวกรรมใต้ทะเลในเชิงพาณิชย์ แก่บริษัทนํ้ามันและก๊าซธรรมชาติ และบริษัทด้านพลังงานทดแทนที่มี การดำเนินงานในทะเล ในภูมิภาคเอเชียและในภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลก

 

โดยมีทุนจดทะเบียน จำนวน 155 ล้านบาท และถือหุ้นในสัดส่วนที่เท่ากันที่ 50% มีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในงานบริการวิศวกรรมการสำรวจ ตรวจสอบและซ่อมบำรุงใต้ทะเลที่ใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งคาดว่าจะจดทะเบียนบริษัทเสร็จสิ้นภายในเดือนกันยายน 2563

 

นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมาบริษัท ไทย แอดวานซ์ อินโนเวชั่น จำกัด (ไทย เอไอ) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ THCOM ร่วมกับ บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด (เออาร์วี) บริษัทในเครือ PTTEP ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุน ใหม่ ภายใต้ชื่อ “บริษัท เอทีไอ เทคโนโลยีส์ จำกัด”

 

เพื่อร่วมกันพัฒนาสินค้าและบริการเกี่ยวกับอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) เพื่อการเกษตร และนำเทคโนโลยีการเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) มาใช้เพื่อเสริมศักยภาพภาคเกษตรกรรมของไทย รวมถึงให้บริการแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลด้านการเกษตรและให้บริการด้านการเกษตรแบบครบวงจร

 

ขณะเดียวกันยังขยายการลงทุนไปยังโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ หรือ Gas to Power กำลังการผลิต 600 เมกะวัตต์ ที่ประเทศเมียนมาโดยร่วมกับ GPSC ด้วย หลังจากมองว่า เมียนมามีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพื่อพัฒนาประเทศ สูงจึงถือเป็นโอกาสสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจด้วย

การขยายธุรกิจใหม่ของ PTTEP ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางการสร้างการเติบโต ที่ไม่พึ่งพาเพียงธุรกิจเดียว แต่จะเกิดขึ้นได้เร็วหรือช้า เราก็คงต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตามเมื่อเข้าไปสำรวจข้อมูลพบว่า ณ สิ้นไตรมาส 2/2563 บริษัทมีเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นรวมทั้งสิ้น 3,090 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 0.33 เท่า สะท้อนให้เห็นถึงการมีโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่งและสถานะการเงินที่มั่นคง


ขณะเดียวกัน PTTEP จัดอยู่ในหุ้น Value Stock โดย ณ วันที่ 28 ก.ย.63 มีค่า P/E เพียง 9.12 เท่า ถือว่าอยู่ในอัตราที่ต่ำสุดเป็นอันดับ 8 ของหุ้นกลุ่มพลังงาน นอกจากนี้ยังมีค่า P/BV เพียง 0.90  เท่า โดยงบการเงินล่าสุดมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 92.19% ของงวด 6 เดือนแรกปี 63


สำหรับ Value Stock คือ หุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่าราคาที่เหมาะสมตามทฤษฎี และสมมติฐานหนึ่งของการลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ คือ ถ้าหากราคาของมันต่ำกว่าราคาที่เหมาะสมตามทฤษฎีแล้ว สักวันหนึ่งราคาจะต้องปรับขึ้นมาหาราคาที่เหมาะสมอย่างแน่นอน จะช้าหรือเร็วเท่านั้น โดยมีลักษณะสำคัญ คือ มี P/E Ratio และ P/BV Ratio ที่ต่ำ แต่มีผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield ) ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด


“ราคาหุ้น PTTEP ลดลง 15%QTD ขณะที่ SET ENERG ลดลง 14%, SET ลดลง 8% และราคาน้ำมันดิบดูไบ ลดลง 2% ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งสะท้อนข่าวลบไปแล้วพอควร รวมทั้งกลุ่มโอเปกและพันธมิตรได้มีการลดปริมาณการผลิตเพื่อดูแลราคาน้ำมันไม่ให้ต่ำจนเกินไป จึงคงคำแนะนำซื้อ PTTEP ให้ราคาพื้นฐาน 101 บาท” อ้างอิงจากนักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด


พร้อมทั้งยังบอกอีกว่า กำไรสุทธิไตรมาส 3/63 คาดจะอยู่ที่ 5.15 พันล้านบาท ลดลง 53%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ฟื้นตัว 19%จากไตรมาสก่อน ซึ่งการฟื้นตัว จากไตรมาสก่อน หนุนโดยปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นและราคาขายเฉลี่ยฟื้นตัวเพราะราคาน้ำมันปรับขึ้น แต่บางส่วนถูกชดเชยด้วย Unit cost ที่เพิ่มขึ้น 2%จากไตรมาสก่อน และค่าใช้จ่ายพิเศษด้านภาษี 10 ล้านดอลลาร์ & มีขาดทุนจาก Hedging ราคาน้ำมัน 348 ล้านบาท


อย่างไรก็ตามประเมินว่าราคาน้ำมันจะอ่อนลงในไตรมาส 4/63 เพราะอุปสงค์ชะลอตัว และอุปทานกลับเข้ามาหลังพายุเฮอริเคนแซลลี่ผ่านพ้นไปเมื่อ ก.ย.63 รวมถึงลิเบียกลับมาผลิตน้ำมัน ซึ่งอยู่ที่ราว 1 ล้านบาร์เรล/วัน นอกจากนั้นสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐก็สูงขึ้นด้วย


ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด ได้แนะนำ ถือ ราคาเป้าหมายที่ 105.00 บาท โดยคาดว่ากำไรสุทธิของ PTTEP ในไตรมาส 3/63 จะอยู่ที่ 5.9 พันล้านบาท ลดลง 47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 36% จากไตรมาสก่อน โดยกำไรที่ลดลง จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จะเป็นผลมาจากการที่ราคาน้ำมันดิบดูไบลดลง 30%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน วน กำไรที่ฟื้นตัวขึ้นจากไตรมาสก่อน จะเป็นเพราะราคาน้ำมันดิบดูไบเพิ่มขึ้นถึง 41% จากไตรมาสก่อน


“PTTEP  มีสถานะทางการเงินที่ดี เพียงพอที่จะรักษาระดับปริมาณสำรองที่พิสูจน์แล้วต่อปริมาณการผลิตขั้นต่ำที่ 7 ปีได้ ในช่วง 3 ถึง 5 ปีข้างหน้า ตามแผนธุรกิจของบริษัท ที่ประกาศไว้ นอกจากนี้ บริษัท ยังได้รับประโยชน์จากต้นทุนการผลิตปิโตรเลียม (Cash cost) ที่ต่ำ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 16 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในปี 2562”มุมมองของฟิทช์ เรทติ้งส์

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


Durant