ธนาคารกลางของประเทศอังกฤษสั่งให้มีการสำรองเงินทุนไว้ร่วมหลายพันล้านปอนด์

เงินทุนที่จะสามารถเป็นกองทุนป้องกันวิกฤตและลดความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น หลังจากการโหวตออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษหรือ'เบรกซิท'นั้น มีการคำนวณไว้ว่าจะต้องมีเงินสำรองราวๆ 13,000 ล้านยูโร ภายใน 18 เดือนนับจากนี้ นอกจากป้องกันวิกฤติแล้ว ยังเป็นเป็นการรองรับการเติบโตของสินเชื่อผู้บริโภคและภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศจีน

นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางของประเทศอังกฤษ กล่าวว่า "มีงบประมาณที่จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ประกอบกับสินเชื่อผู้บริโภคในประเทศอังกฤษนั้นมีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเงื่อนไขการกู้ยืมในตลาดจำนองจะมีความง่ายขึ้นกว่าเดิม ผู้ให้กู้(ธนาคาร) อาจมีการให้น้ำหนักในการดำเนินงานล่าสุดบนเงื่อนไขอ่อนโยนที่ไม่ถูกต้อง และยังมีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกับเสถียรภาพทางการเงิน ซึ่งเกี่ยวข้องกับช่วงของผลลัพธ์และจำนวนหนทางในกระบวนการ Brexit การนำไปสู่การรื้อฟื้นที่เรียกว่า Countercyclical capital buffer หรือการทำให้กองทุนป้องกันวิกฤติมีทิศทางที่สวนทางกับการเปลี่ยนแปลงของระบบเศรษฐกิจ ซึ่งสวนทางกับนโยบายของธนาคารกลางเองในช่วงแรกหลังจากการโหวตเบรกซิทเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว"

การออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ หรือ Brexit ครั้งนี้มีการคาดการณ์ว่าอาจจะเกิดผลกระทบอย่างมากมายต่อสหภาพยุโรปเองและประเทศอังกฤษ ซึ่งนอกจากเศรษฐกิจแล้ว การซื้อตัวนักเตะของฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เพราะว่าการกีดกันนักเตะต่างชาติมาค้าแข้งที่อังกฤษโดยการขอเวิร์คเพอร์มิทหรือใบอนุญาตทำงานจะยากขึ้น การเจรจาซื้อตัวจะมีต้นทุนทางธุรกรรมมากขึ้น และการเดินทางเข้าออกประเทศเวลาไปแข่งขันในรายการยุโรป เช่น ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และยูโรปาลีก จะยากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังเป็นแค่การคาดการณ์ และยังมีภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาทั่วโลก การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนก็ส่งผลกระทบเช่นกัน

สถานการณ์ของอังกฤษและสหภาพยุโรปหลังจากเบรกซิทจะเป็นอย่างไรต่อไป โปรดติดตามดูกันยาวๆครับ

ข้อมูลจาก www.euronews.com