ห้องเม่าปีกเหล็ก

8 หุ้นเด่น ต่างชาติซุ่มเข้าสะสมต่อเนื่อง

โดย กาลเวลา
เผยแพร่ :
263 views

เปิดรายชื่อ 8 หุ้นเด่น

ต่างชาติซุ่มเข้าสะสมต่อเนื่อง

 

.

นับตั้งแต่ปี 2567 ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงไม่ได้ไปไหนไกลหนัก หรืออาจจะพูดได้อีกอย่างก็คือ การแกว่งตัวในกรอบแคบ ซึ่งก็มีปัจจัยหลายอย่างที่ยังคอยฉุดบรรยากาศการลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ โดยกระแสเงินลงทุนต่างชาตก็ยังมีความไม่แน่นนอน

.

อย่างไรก็ดี ก็ยังคงมีนักลงทุนรายย่อยอีกหลายคนที่กำลังมองหาเทรนด์การลงทุนในช่วงที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงพักตัวเช่นนี้ ซึ่งในวันนี้ Wealthy Thai ก็มีมุมมองการลงทุนที่น่าสนใจพร้อมกับตัวหุ้นที่แนะนำผ่านผู้เชี่ยวชาญหรือนักวิเคราะห์มาแบ่งปันกันในครั้งนี้

.

สำหรับบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด ให้มุมมองว่า แม้ทิศทางของกระแสเงินทุนต่างชาติยังอยู่ในฝั่งของขายสุทธิตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (ตั้งแต่วันที่ 2 - 5 ม.ค. 2567) แต่หากดูในรายละเอียดจะพบว่าต่างชาติมีการเลือกเข้าสะสมในหุ้นรายตัว จึงให้คำแนะนำ “ซื้อ” หุ้นในกลุ่มที่น่าสนใจดังต่อไปนี้

.

โดยกลุ่มที่แนะนำและน่าสนใจ กลุ่มธนาคาร ที่โฟลว์ต่างชาติไหลเข้าชัดเจนและในทางสถิติมักให้ผลตอบแทนเด่นสุดในเดือน ม.ค. รวมถึงมูลค่าหุ้นไม่แพง คาดงบไตรมาส 4/66 จะออกมาดี พร้อมอัตราปันผลระดับสูง แนะนำ SCB, KBANK, TTB กลุ่มโรงพยาบาล มักให้ผลตอบแทนดีในไตรมาส 1 ของทุกปี แนะนำ BH, BDMS และกลุ่มกำไรดี มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัวและดาวน์ไซด์จำกัด แนะนำ WHA, TOP, BEM

.

ด้านปัจจัยพื้นฐานรายตัวเริ่มกันที่ SCB บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 114 บาท ด้วยปันผลที่ยังโดดเด่นเมื่อเทียบธนาคารขนาดใหญ่ โดยปี 66 คาดว่าจะจ่ายปันผลที่ 7.42 บาท อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 7% และเพิ่มเป็น 8.31 บาท อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 7.8 % ในปี 2567

.

ขณะที่กำไรในปี 2566 จะอยู่ที่ 4.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 10.8% จากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ถึงแม้ว่าค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยและการตั้งสำรองรวมไปถึงค่าใช้จ่ายจะเพิ่มสูงขึ้นมากก็ตาม และในปี 2567 การตั้งสำรองจะลดระดับลง ทำให้กำไรจะเพิ่มขึ้นได้อีก 13.3% เป็น 4.7 หมื่นล้านบาท

.

ต่อมา KBANK บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 162 บาท ด้วยพอร์ตสินเชื่อเดิมมีหนี้เสียลดลง ยังเน้นการควบคุมคุณภาพของสินเชื่อใหม่ด้วย ขณะที่ราคาหุ้นยังซื้อขายยังมีอัพไซด์อีก 25.6% และคาดให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลจากกำไรสุทธิครึ่งปีหลังปี 66 อีก 2.7%

.

ถัดมาที่ TTB บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 1.85 บาท โดยราคาหุ้นที่ลดลงทำให้น่าดึงดูดมากขึ้นและมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลถึง 6.2% แต่การเติบโตของกำไรสุทธิปี 2567-2568 จะชะลอลงแต่ยังคงเพิ่มขึ้น 6% ต่อปี จากการขยายตัวของอัตราส่วนต่างดอกเบี้ยที่น้อยลง ตามอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นที่จะสิ้นสุดลงในปี 67

.

ขณะที่ BH บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 300 บาท โดยแนวโน้มกำไรยังคงเติบโตต่อเนื่องในปี 66 ที่ 7.29 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 48% และปี 67 ที่ 7.75 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 6% ซึ่งยังไม่อัพไซด์จากจำนวนคนไข้ต่างชาติมากกว่าคาด รวมไปถึงราคาหุ้นลงมาค่อนข้างเยอะแล้ว ทำให้มูลค่าหุ้นค่อนข้างถูก

.

ส่วน BDMS บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 35.30 บาท ด้วยราคาหุ้นที่ลดลงสวนทางผลประกอบการที่เติบโตดีต่อเนื่อง โดยในปี 67 กำไรจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 9% ตามการเติบโตของคนไข้ต่างชาติและการเติบโตของ Center of Excellence (CoE) ขณะที่ 3 ปีข้างหน้า ประมาณการกำไรจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 7% จากกลยุทธ์ในการขยายฐานลูกค้าใหม่และแผนในการขยายธุรกิจต่อเนื่อง

.

ด้าน WHA บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.40 บาท และมีอัพไซด์อีก 0.5 บาท จากการลงทุน 50% ใน GC Logistics Solution และโครงการโซล่าร์ฟาร์ม รวมไปถึงยังมีอัพไซด์ยอดขายที่ดินเนื่องจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง จึงคาดกำไรปี 2567 ที่ 4.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 13%

.

ฟาก TOP บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 64 บาท ด้วยราคาหุ้นที่ลดลง ทำให้มูลค่าหุ้นในปัจจุบันน่าสนใจ และกำไรที่ยังเติบโตได้ในไตรมาส 4/66 ขณะที่ประมาณการอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่เติบโตในปี 2567 จะช่วยหนุน refinery run rate ทรงตัวในระดับสูงได้

.

สุดท้าย BEM บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด แนะนำ “Outperform” ราคาเป้าหมาย 11 บาท ด้วยผลการดําเนินงานที่ยังทําจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องในช่วงหลายปีข้างหน้า โดยกําไรสุทธิปี 2567 ที่ 3.92 พันล้านบาท และปี 2568 ที่ 4.12 พันล้านบาท จาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศและการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

.

พร้อมทั้งยังมีปัจจัยที่จะต่อยอดการเติบโตจากหลากหลายโครงการที่ยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ อาทิ โครงการทางด่วนชั้นที่ 2 (Double Deck) และสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ที่คาดจะมีความชัดเจนในปี 2567

 

 


กาลเวลา