ชู 4 กลุ่มหุ้นเด่น “ท่องเที่ยว/ค้าปลีก/โรงพยาบาล/แบงก์”...
รับท่องเที่ยวบูม-ม.กระตุ้นศก.ภาครัฐ เชื่อสิ้นปีดัชนีทะลุ 1,600 จุด !!!
.
Fun of Funds: “หุ้นไทย” ปีนี้ร่วงไปจนติดตลาดที่ผลงานแย่ตลาดหนึ่งของโลก ตั้งแต่ต้นปีร่วงไปแล้วกว่า -14% ต่างชาติก็เทขายไปกว่า -1.66 แสนล้านบาท
.
จนราคาถูกจนน่าสนใจ มี Forward P/E 12 เดือนข้างหน้าที่ 14.4 เท่า ที่ระดับต่ำกว่า 1,500 จุด ในปัจจุบัน ทุกค่ายพร้อมใจประสานเสียงว่า “ถูก” และเป็น “จังหวะลงทุน” เพื่อซื้ออนาคตเลยทีเดียว
.
อีกตลาดที่ปีนี้กลับมาอยู่ในเรดาร์การลงทุนลำดับต้นๆ ก็คือ “ตราสารหนี้โลก” นั่นเอง หลังดอกเบี้ยใกล้จะจบขาขึ้น ความเสี่ยงจำกัด ในขณะที่อัพไซด์เปิดกว้างรอรับดอกเบี้ยขาลงอยู่
.
จึงเป็น 2 ธีมที่มีจังหวะในการเข้าลงทุนที่ดีในตอนนี้ วันนี้ ทีมงาน ‘โต๊ะกองทุน Wealthy Thai’ มีมุมมองที่น่าสนใจจากผู้เชี่ยวชาญมาฝากกัน
.
“หุ้นไทย” ฟื้นรับท่องเที่ยวบูม+ม.กระตุ้นศก. สิ้นปีทะลุ 1,600 จุด
.
โดย “สาห์รัช ชัฏสุวรรณ” รองกรรมการผู้จัดการ บลจ. ทิสโก้ ยอมรับว่า ในเดือนกันยายนที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ปรับลงมากถึง -6.7% สาเหตุหลักมาจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ เช่น อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ที่ปรับขึ้นแรง ความกังวลเรื่องเสถียรภาพทางการคลังของภาครัฐทำ
.
ให้ราคาหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานแกร่งหลายกลุ่มปรับลงมาเร็วตามภาวะตลาด จึงคาดว่าหลังจากนี้จะมีแรงซื้อหุ้นบางกลุ่มกลับเข้ามา เพราะในระยะสั้นถึงระยะกลางตลาดหุ้นไทยจะได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวรับช่วงไฮซีซันด้านการท่องเที่ยว การส่งออกที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า และรัฐบาลใหม่เดินหน้านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะหนุนให้ดัชนีหุ้นไทยสิ้นปี23 ปรับเพิ่มขึ้นเกิน 1,600 จุด ได้
.
“เรามองว่าเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุนหุ้นไทย เพราะประเทศคู่ค้ารายใหญ่อย่างสหรัฐเริ่มส่งสัญญาณต้องการนำเข้าสินค้าเพิ่มจากการเพิ่มสินค้าเข้าสต็อกของธุรกิจค้าปลีก ขณะที่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของเกาหลีใต้ฟื้นตัวจะสะท้อนการฟื้นตัวของภาคการส่งออกระหว่างเอเชียและคู่ค้า ด้านการท่องเที่ยวไทยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าปี24 นักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นเป็น 35 ล้านคนจากปี23 ที่อยู่ในระดับ 29 ล้านคน ผลจากเศรษฐกิจจีนที่เริ่มฟื้นตัวหลังรัฐบาลออกนโยบายการตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบกับรัฐบาลไทยได้ออกนโยบายไม่เก็บค่าวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจากประเทศจีน จะช่วยกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจีนมาไทยมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อกลุ่มท่องเที่ยว ค้าปลีก และกลุ่มโรงพยาบาล ในขณะเดียวกันการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของแบงก์ชาติ ก็ทำให้กลุ่มธนาคารพาณิชย์มีความน่าสนใจด้วยเช่นกัน”
.
“ตราสารหนี้โลก” โอกาสลงทุน...รับสิ้นสุด “วงจรดอกเบี้ยขาขึ้น”
.
นอกจาก “หุ้นไทย” แล้ว “ตราสารหนี้โลก” ก็ถือเป็นอีกสินทรัพย์ที่เป็นจังหวะเข้าลงทุนที่ดีด้วยเช่นกัน
.
โดย “สุภาพร ลีนะบรรจง” กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงศรี มองว่า “ตราสารหนี้" ยังคงเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนทั่วโลก แม้ว่าในปี22 ที่ผ่านมาได้มีการขึ้นดอกเบี้ยที่เร็วและแรง รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ทำใหัตราสารหนี้ได้รับแรงกดดันมาอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันตราสารหนี้กลับมาน่าสนใจจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่ใกล้จะสิ้นสุด เงินเฟ้อในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วมีแนวโน้มปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุด ส่งผลให้ตอบแทนของตราสารหนี้หลายกลุ่มปรับตัว
.
เพิ่มขึ้นสู่ระดับที่น่าสนใจ อีกทั้งผลตอบแทนจากการถือครองตราสารหนี้ในปัจจุบันเมื่อเทียบกับช่วงก่อนขึ้นดอกเบี้ยตอนสิ้นปี21 จะเห็นได้ว่า "อัตราตอบแทน” (Yield) เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจเลยทีเดียว
.
“เรามองว่าปัจจุบันเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการกระจายการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีทั่วโลก และควรมีการกระจายการลงทุนในตราสารหนี้หลายประเภททั่วโลก ผสมผสานระหว่างตราสารที่มีคุณภาพสูงกับตราสารที่ให้ผลตอบแทนสูง ทั้งตราสารหนี้ภาครัฐ หุ้นกู้เอกชน Investment grade High yield และตราสารหนี้ที่มีอสังหา/สินทรัพย์ค้ำประกัน ทั้งนี้ควรมีการปรับพอร์ตที่ยืดหยุ่นทั้งในด้านอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ และประเภทตราสารหนี้ที่ลงทุนเพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด และอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน”
.
หากใครกำลังมองหา “จังหวะในการเข้าลงทุน” เพื่อจะมีโอกาสได้รับประโยชน์จากการปรับตัวขึ้นของราคาสินทรัพย์นั้นๆ อยู่ จากมุมมองที่มีตลาดและวางบนพื้นฐานที่รองรับ เชื่อว่าทั้ง “หุ้นไทย” และ “ตราสารหนี้โลก” จะเป็นโอกาสในการลงทุนที่ดีโอกาสหนึ่ง ด้วย Downside ที่จำกัด ในขณะที่ Upside เปิดกว้างรออยู่พอสมควรนั่นเอง
