KEX งบไตรมาส 1/66 ยังอ่อนแอ
ยอดส่งพัสดุดิ่ง ฉุดปีนี้ขาดทุนต่อ 1.6 พันลบ.
นักวิเคราะห์เล็งหั่นงบ กดดันราคาหุ้นอีก

.
บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX หนึ่งในหุ้นสุดฮอตในช่วงที่ผ่านมา แต่ราคาหุ้นและผลประกอบการม่สู้ดีมากนัก ล่าสุดนักวิเคราะห์มองว่า ผลประกอบการในไตรมาส 1/66 ยังไม่สดใสยอดพัสดุที่จัดส่งโดยบริษัทอ่อนแอ ทำให้ปี 66 อาจมีผลขาดทุนอีก 1.6 พันล้านบาท
.
โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ถือ” และคงราคาเป้าหมายเอาไว้ที่ 16.50 บาท ถึงแม้ว่าการแข่งขันจะลดลง แต่รายได้ยังคงถูกกดดันจากการที่อุปสงค์ของธุรกิจ ecommerce ลดลง โดยคาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 1/66 ยังไม่น่าจะดีขึ้นมากนัก และคาดว่าบริษัทจะขาดทุน 1.6 พันล้านบาทในปี 66 เพราะมองแบบอนุรักษ์นิยมว่ารายได้จะลดลงท่ามกลางแนวโน้มธุรกิจที่ไม่สดใส
.
ทั้งนี้มีโอกาสได้คุยกับผู้บริหาร KEX และรู้สึกว่าผลประกอบการในไตรมาส 1/66 ยังไม่น่าจะดีขึ้นมากนัก โดยสาระสำคัญมีดังนี้ ธุรกิจ e-commerce ที่ชะลอตัวลงอย่างมากทำให้ยอดพัสดุที่จัดส่งโดยบริษัทอ่อนแอในไตรมาส 1/66 โดยในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้บริษัทมีการเติบโตติดลบ อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานอาจจะดีขึ้นบ้างในเดือนมีนาคม เพราะผู้ประกอบการ e-commerce รายใหญ่ ซึ่งรวมถึง Lazada และ Shopee จัดโปรโมชันใหญ่ “3.3 grand sale”
.
ขณะที่ ในเชิงของการแข่งขัน บริษัทยังไม่เห็นการตัดราคาแบบดุเดือดมากนักในปีนี้ และการลดต้นทุนยังเป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญในปีนี้ แต่บริษัทจะทยอยได้รับอานิสงส์ไปตลอดปีนี้ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเป็นกรณีพิเศษใน ไตรมาส 1/66
.
ทั้งนี้ข้อมูลจากการตรวจสอบล่าสุดของฝ่ายวิจัย ตรงกันกับที่บริษัทบอกว่าการแข่งขันด้านราคาในขณะนี้ยังไม่รุนแรง โดยผู้ประกอบการแต่ละราย รวมถึง KEX ด้วย ต่างก็มุ่งเน้นไปทางด้านของการลดต้นทุน
.
แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบในขณะนี้คือปริมาณการส่งของที่ลดลงเพราะอุปสงค์จากธุรกิจ e-commerce ลดลงหลังผ่านช่วงสถานการณ์โรคระบาดไปแล้ว ซึ่งจะกระทบกับผู้ประกอบการขนส่งพัสดุด่วนอย่าง KEX
.
โดยยังคงคาดว่าบริษัทจะขาดทุน 1.6 พันล้านบาทในปี 66 เนื่องจากที่ลดลงไปอีก แต่ประมาณการรายได้แบบอนุรักษ์นิยมยังสะท้อนถึงประมาณการปี 66 ที่ต่ำกว่า consensus ด้วย
.
ดังนั้นถึงแม้ว่าราคาหุ้นจะร่วงลงมาแรงในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา แต่ยังคงคำแนะนำถือ KEX เพราะราคาหุ้นในปัจจุบันเหลือ upside ถึงราคาเป้าหมายของเราอีกไม่มาก นอกจากนี้เชื่อว่านักวิเคราะห์ในตลาดอาจจะปรับลดประมาณการลงอีก ซึ่งจะเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อราคาหุ้นในระยะสั้น