ห้องเม่าปีกเหล็ก

วิเคราะห์ก่อนตลาด VS วิเคราะห์หลังตลาด!

โดย ศักดิ์
เผยแพร่ :
80 views

วิเคราะห์หลังตลาด :

นักวิแคระฯส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นมักจะวิแคระฯทิศทางของตลาดหุ้นเมื่อทราบผลของตลาดหุ้นแล้ว หรือเมื่อตลาดหุ้นปิดแล้ว หรือวิเคราะห์หลังตลาด หรือแล้วแต่จะเรียกแต่มีความหมายเหมือนกัน ซึ่งส่วนใหญ่ก็วิแคระฯกันได้อย่างถูกต้องแม่นยํา เพราะเป็นการใช้ข้อมูลในอดีตที่เพึ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆแล้วมาอธิบาย แต่ก็มีนักวิแคระฯอีกส่วนหนึ่งที่พยายามจะเดามั่วสั่วสุ่มทิศทางของตลาดหุ้นในอนาคต และผลที่ออกมาส่วนใหญ่ถูกบ้างผิดบ้าง " โดยมีโอกาศถูกและผิด 50 : 50เพราะ " ไม่มีการวิเคราะห์วิธีการใดในโลกใบนี้ที่วิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นในอนาคตได้ถูกต้องเกิน 50% "

วิเคราะห์ก่อนตลาด :

แต่ผู้โพสต์เองใช้หลักการของ " ทรัมป์ปั่นและทุบหุ้น " มาคาดการณ์ทิศทางตลาดหุ้นในอนาคต ซึ่งมีโอกาสถูกสูงมากเกิน 90% ดังนี้ คือ :

1) เป็นการคาดการณ์ตลาดหุ้นขาขึ้นโดยสังเกตุ และติดตามจากการที่ ​" ทรัมป์ปั่นหุ้น " ดังนี้ คือ :

1.1) การปั่นครั้งที่ 1 :

1.1.1) Down Jones ปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2559 ซึ่งเป็นวันก่อนวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาครั้งที่แล้ว 1 วัน ที่ 18,333 จุด มาจนถึงวันที่ 3 ตุลาคม ปี พ.ศ 2561 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในรอบก่อนหน้านี้ที่ 26,951 จุด หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 26,951 - 18,333 ) / 18,333 x 100 = +47.01% 

1.1.2) Set Index ปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2559 ซึ่งเป็นวันก่อนวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาครั้งที่แล้ว 1 วัน ที่ 1,510 จุด มาจนถึงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2561 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 1,852 จุด หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 1,852 - 1,510  ) / 1,510 x 100 = +22.65%

1.2) การปั่นครั้งที่ 2 :

1.2.1) Down Jones ปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม ปี พ.ศ. 2561 ที่ 21,712 จุด ซึ่งเป็นจุดตํ่าสุดในรอบล่าสุด เนื่องจากเฟดปรับดอกเบี้ยถี่และบ่อยเกินไปถึง 4 ครั้ง ในปี พ.ศ 2561 มาจนถึงวันที่ 16 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 27,398 จุด หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 27,398 - 21,712 ) / 21,712 x 100 = +26.19%

1.2.2) Set Index ปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม ปี พ.ศ. 2561 ที่ 1,546 จุด ซึ่งเป็นจุดตํ่าสุดในรอบล่าสุด เนื่องจากเฟดปรับดอกเบี้ยถี่และบ่อยเกินไปถึง 4 ครั้ง ในปี พ.ศ 2561 มาจนถึงวันที่ 11 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในรอบล่าสุดที่ 1,748 จุด หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 1,748 - 1,546 ) / 1,546 x 100 = +13.07% 

ส่วนวิธีการ " ปั่นหุ้นของทรัมป์ " นั้น ก็เป็นการชักชวนให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนซื้อหุ้นในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา เพราะหุ้นสหรัฐอเมริกามีราคาถูก และมีอนาคตดี การให้คําแนะนําเฟดให้ลดดอกเบี้ยเพื่อให้ต้นทุนทางการเงินถูกลง การให้คําแนะนําให้โอเปคไม่ให้กําลังการผลิต ราคานํ้ามันจะได้มีราคาถูก และส่งผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา และเศรษฐกิจโลกโดยรวม ตลอดจนบริหารประเทศโดยเน้นนโยบาย Supply Side Economics จนทําให้เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาดี ชาวอเมริกันว่างงานตํ่า และตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทําจุดสูงสุดตลอดกาลแบบนับครั้งไม่ถ้วนผ่าน @realDonaldTrump และการที่ทรัมป์ปั่นหุ้นสหรัฐอเมริกา ก็ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยได้รับอานิสงค์ปรับตัวขึ้นตามไปด้วย เพราะเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก

2) เป็นการคาดการณ์ตลาดหุ้นขาลงโดยสังเกตุ และติดตามจากการที่ " ทรัมป์ทุบหุ้น " ดังนี้ คือ :

ทรัมป์ทุบหุ้นส่วนใหญ่ในประเด็นการค้ากับจีนผ่าน @realDonaldTrump มาแล้ว 3 ครั้งหลักๆ และล่าสุดดังนี้ คือ :

2.1) การทุบครั้งที่ 1 :  จากการที่ทรัมป์ปรับขึ้นภาษีจาก 10% เป็น 25% จากสินค้า 200,000 ล้าน USD เดิม เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ปี พ.ศ 2562 และมีผลต่อตลาดหุ้นดังนี้ คือ :

2.1.1) Down Jones ทําจุดตํ่าสุดที่ 24,680 จุด เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ปี พ.ศ 2562

2.1.2) Set Index ทําจุดตํ่าสุดที่ 1,599 จุด เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ปี พ.ศ 2562 

2.2) การทุบครั้งที่ 2 : จากการที่ทรัมป์ปรับขึ้นภาษีจาก 0% เป็น 10% จากสินค้าที่เหลืออีก 300,000 ล้าน USD เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ปี พ.ศ 2562 และมีผลต่อตลาดหุ้นดังนี้ คือ :

2.2.1) Down Jones ทําจุดตํ่าสุดที่ 25,339  จุด เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ปี พ.ศ 2562

2.2.2) Set Index ทําจุดตํ่าสุดที่ 1,590 จุด เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ปี พ.ศ 2562 

2.3) การทุบครั้งที่ 3จากการที่ทรัมป์ปรับขึ้นภาษี จำนวน 300,000 ล้าน USD เดิมจาก 10% เป็น 15% และให้มีผลวันที่ 1 กันยายน ปี พ.ศ 2562 ครึ่งหนึ่ง และวันที่ 15 ธันวาคม ปี พ.ศ 2562 อีกจํานวนครึ่งหนึ่ง และจำนวน 250,000 ล้าน USD เดิม จาก 25% ที่เก็บอยู่แล้วเป็น 30% เริ่มวันที่ 1 ตุลาคม ปี พ.ศ 2562 ( และท้ายที่สุดก็เลื่อนมาเป็นวันที่ 15 ตุลาคม ปี พ.ศ 2562 ในเวลาต่อมา  ) เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ปี พ.ศ 2562 และมีผลต่อตลาดหุ้นดังนี้ คือ :

2.3.1) Down Jones ทําจุดตํ่าสุดที่ 25,507  จุด เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ปี พ.ศ 2562 

2.3.2) Set Index ทําจุดตํ่าสุดที่ 1,609 จุด เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ปี พ.ศ 2562

หมายเหตุ : 1) Down Jones ปิดที่ 26,935.07 จุด ในขณะเดียวกันกับ Set Index ปิดที่ 1,636.20 จุด เมื่อวันที่ 20 กันยายน ปี พ.ศ 2562 
                 2) ที่มาจาก ( www.bloomberg.com ) และ ( www.settrade.com )
                 3) โปรดติดตามการ Long และ Short Set 50 Derivatives  ในระยะยาวได้ใน longtunbysak.blogspot.com และ Group Facebook

 


ศักดิ์