10 เมษายน 2561 -- COMPANY REPORT : ERW : บมจ.หลักทรัพย์ ฟิลลิป
ดิ เอราวัณ กรุ๊ป - ERW
รับอานิสงส์ท่องเที่ยวขยายตัว คาดกำไรปี 61 จะเพิ่ม 20.2% y-y
THAILAND | SET | TOURISM | COMPANY REPORT
ซื้อ (ปรับขึ้นจากทยอยซื้อ)
ราคาปิด (บาท) 8.05
ราคาพื้นฐาน (บาท) 9.50 (+19.38%)
คาดการดำเนินงานปี 61 จะขยายตัวดีจากปี ก่อนหน้า 20.2% มาที่ 608 ล้านบาท
ปี 61 คาดรายได้รวมจะปรับตัวดีขึ้น 9.3% y-y ที่ 6,613 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก i)การเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยว โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) คาดในปี นี ้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มจากปีก่อนที่ 35.4 ล้านราย เป็น 37.0 ล้านราย เพิ่มขึ้น5% y-y ประกอบกับการสนับสนุนจากทางภาครัฐ เช่น การออกมาตรการภาษีส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง (55 จังหวัด) เริ่มตัง้ แต่ 1 ม.ค. – 31 ธ.ค. 61 ii)การขยายโรงแรม หากคาดในปีนีจ้ ะมีเปิดโรงแรมเพิ่ม 9 แห่ง แบ่งเป็นกลุ่ม Hop Inn ในประเทศ 4 แห่ง และในฟิลิปปินส์ 3 แห่ง ส่วนที่เหลืออีก2 แห่ง จะเป็นโรงแรมระดับกลาง (Midscale) และระดับประหยัด (Economy) ได้แก่ Novotel & IBISStyle ที่ ซ.สุขุมวิท 4 ในลักษณะอาคารติดกัน จำนวนห้องทั้ง หมดราว 300 ห้อง คาดจะเริ่มเปิดใน4Q61 หากแต่ EBITDA Margin คาดจะหดตัวลงจากปีก่อนหน้าเล็กน้อยที่ 30.5% มาอยู่ที่ 30.3%หลักๆมาจาก 1)การเปิดโรงแรมใหญ่ (Novotel & IBIS Style ดังกล่าว) คาดจะมี SG&A สูงขึ้น จากเตรียมเปิดฯ เช่น ค่าใช้จ่ายการตลาด ค่าใช้จ่ายพนักงาน ฯลฯ ประกอบกับในช่วงแรก คาดจะรับรู้ผลขาดทุนจากโรงแรมใหม่เข้ามาจากเป็นช่วง Ramp Up Period (เทียบปีก่อนหน้าไม่มีการเปิดโรงแรมใหญ่ เปิดเฉพาะกลุ่ม Hop Inn จำนวน 11 แห่ง) 2)คาดจะมีค่าใช้จ่ายปรับปรุง JW Marriot ในช่วง2Q61-3Q61 เข้ามาสูงกว่าปีก่อน จากในปีนีมี้แผน Renovate จำนวนห้องมากกว่า ราว 178 ห้อง(จาก เฟสแรกในปี 60 จำนวน 129 ห้อง ) ทำให้คาดกำไรปี 61 จะอยู่ที่ 608 ล้านบาท เพิ่ม 20.2% y-y
และต่อเนื่องในปี 62 คาดจะมีเปิด Hop Inn ในประเทศและในฟิลิปปินส์ และโรงแรมขนาดใหญ่อีก1 แห่ง ได้แก่ Mercure & IBIS ซ.สุขุมวิท 24 จำนวน 500 ห้อง ทำให้ภายในปี 63 บริษัทจะมีจำนวนโรงแรมทั้ง หมดรวมมากกว่า 85 แห่ง โดยเป็นโรงแรมระดับ Luxury, Midscale และ Economy รวม25 แห่ง และ Hop Inn ในประเทศ 50 แห่ง และในฟิลิปปินส์อีก 12 แห่ง
คาด 1Q61 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดในรอบปี
อย่างไรก็ตามใน 1Q61 คาดการดำเนินงานจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดในรอบปี จาก i)การขยายตัวเด่นของอุตสาหกรรม (2M61 ตัวเลขนักท่องเที่ยวขยับขึ้น เป็ น 7.1 ล้านราย ขยับขึ้น จากปี ก่อนหน้า15.0%) หลักๆจากการเพิ่มในกลุ่มลูกค้าจีน จากฐานที่ต่ำในช่วงเดียวกันในปี ก่อนหลังได้รับผลกระทบทัวร์ศูนย์เหรียญ บวกในปีนีมี้นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาในประเทศไทยค่อนข้างมาก ขณะที่ในประเทศภาครัฐออกมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวเพิ่มเติม เช่น การออกมาตรการภาษีส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ii)ในส่วน JW Marriot ในไตรมาสนีไ้ ม่มีการปิด Renovate ขณะห้องพัก (129ห้อง) ที่ปิดปรับปรุงในปีก่อนได้เปิดให้บริการแล้ว และมีการปรับราคาขึ้น อีกราว 10-15% iii)การเปิดHop Inn ในประเทศเพิ่ม 2 แห่ง ใน จ.กระบี่ และ จ.สุรินทร์
ประเมินราคาพื้นฐานปี 61 เท่ากับ 9.50 บาท แนะนำ “ซื้อ”อุตสาหกรรมขยายตัวเด่น หากคาด ERW จะได้ประโยชน์สูงสุดในกลุ่ม จากบริการกลุ่มลูกค้าหลากหลาย อีกทั้ง เพิ่มจำนวนโรงแรมต่อเนื่อง ทำให้ทางฝ่ ายปรับคำแนะนำขึ้น จากเดิม “ทยอยซื้อ ”เป็น “ซื้อ ” และประเมินราคาพื้นฐานปี 61 อยู่ที่ 9.50 บาท
Investment Thesis
- ตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มสูงต่อเนื่อง อีกในปี นีภ้ าครัฐออกมาตรการสนับสนุนท่องเที่ยวต่างๆ เช่น มาตรการภาษีส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองรอง 55 จังหวัด ทำให้คาดอุตสาหกรรมจะขยายตัวเด่น
- ERW น่าจะรับประโยชน์สูงสุดในกลุ่ม เนื่องจากฐานลูกค้าครอบคลุมและให้บริการในกลุ่มลูกค้าหลากหลาย อีกทั้ง มีแผนขยายโรงแรมเพิ่มทุกปี
- ทั้ง นีท้ างฝ่ายประเมินราคาพื้นฐานปี 61 อยู่ที่ 9.50 บาท แนะนำ “ซื้อ ”
คาดการดำเนินงานปี 61 จะขยายตัวดีจากปี ก่อนหน้า 20.2% มาที่ 608 ล้านบาท
สำหรับปี 61 คาดรายได้รวมจะปรับตัวดีขึ้น 9.3% y-y ที่ 6,613 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก i)การเพิ่มขึ้น ของจำนวนนักท่องเที่ยว โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา(กก.) คาดในปี นีจ้ ะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มจากปี ก่อนที่ 35.4 ล้านราย เป็น 37.0 ล้านราย เพิ่มขึ้น 5% y-y ประกอบได้การสนับสนุนจากทางภาครัฐ เช่น การออกมาตรการภาษีส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด เริ่มตัง้ แต่ 1 ม.ค. – 31 ธ.ค. 61ii)การขยายโรงแรม หากคาดในปี นีจ้ ะมีเปิดโรงแรมเพิ่ม 9 แห่ง แบ่งเป็นกลุ่ม Hop Inn ในประเทศ 4 แห่ง และในฟิลิปปินส์ 3 แห่ง โดยคาดจะทยอยเปิดใน 1Q61, 3Q61 และ 4Q61ไตรมาสละ 2 แห่ง และ ใน 2Q61 อีก 1 แห่ง และส่วนที่เหลืออีก 2 แห่ง จะเป็นโรงแรมระดับกลาง (Midscale ) และระดับประหยัด (Economy) ได้แก่ Novotel & IBIS Style ที่ซ.สุขุมวิท 4 ในลักษณะอาคารติดกัน มีจำนวนห้องทั้ง หมดราว 300 ห้อง หากคาดจะเริ่มเปิดให้บริการได้ใน 4Q61 ทำให้สิน้ ปี 61 บริษัทจะมีจำนวนโรงแรมเพิ่มเป็น 61 แห่ง และมีจำนวนห้องรวมกว่า 8.5 พันห้อง จากปี 60 ที่มี 52 แห่ง และจำนวนห้อง 7.3 พันห้อง หากแต่EBITDA Margin คาดจะหดตัวลงจากปีก่อนหน้าเล็กน้อยที่ 30.5% มาอยู่ที่ 30.3% หลักๆมาจาก 1)การเปิดโรงแรมใหญ่ (Novotel & IBIS Style ดังกล่าว) หากคาดจะมี SG&Aสูงขึ้น จากเตรียมเปิดฯ เช่น ค่าใช้จ่ายการตลาด ค่าใช้จ่ายพนักงาน ฯลฯ ประกอบกับในช่วงแรก คาดจะรับรู้ผลขาดทุนจากเปิดโรงแรมใหม่เข้ามาจากเป็นช่วง Ramp Up Period (เมื่อเทียบปีก่อนหน้าไม่มีการเปิ ดโรงแรมใหญ่ เปิ ดเฉพาะกลุ่ม Hop Inn จำนวน 11 แห่ง) 2)คาดจะมีค่าใช้จ่ายปรับปรุง JW Marriot ในช่วง 2Q61-3Q61 เข้ามาสูงกว่าปี ก่อน จากในปี นีมี้แผนRenovate จำนวนมากกว่า ราว 178 ห้อง (จากทั้ง หมด 441 ห้อง ทว่าจะทยอยปิดปรับปรุงโดยแบ่งออกเป็น 3 เฟส ได้แก่ เฟสแรก 129 ห้อง เสร็จสิน้ แล้วในปี 60 ,เฟสสองในปี 61จำนวน 178 ห้อง และ เฟสสามในปี 62 อีกจำนวน 133 ห้อง) ทำให้คาดกำไรปี 61 จะอยู่ที่608 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.2%y-yและต่อเนื่องในปี 62 คาดจะมีเปิด Hop Inn ในประเทศและในฟิลิปปินส์ และโรงแรมขนาดใหญ่อีก 1 แห่ง ได้แก่ Mercure & IBIS ซ.สุขุมวิท 24 จำนวน 500 ห้อง ทำให้ภายในปี 63บริษัทจะมีจำนวนโรงแรมทั้ง หมดมากกว่า 85 แห่ง โดยแบ่งเป็ นโรงแรมระดับ Luxury,Midscale และ Economy รวม 25 แห่ง และ Hop Inn ในประเทศจำนวน 50 แห่ง และในฟิลิปปินส์อีก 12 แห่ง ทั้ง นีใ้ นสิน้ ปี 61 บริษัทจะมี Hop Inn ในฟิลิปปินส์ เมืองมานิลา รวมเป็น 5 แห่ง แต่คาดจะขยายไปอีก 1 เมืองใหญ่ อันดับสองรองจากมานิลา ได้แก่ เมืองเซบู(Cebu) ภายใต้แบรนด์ Hop Inn และ Holiday Inn
คาด 1Q61 จะเป็ นไตรมาสที่ดีที่สุดในรอบปี
หากอย่างไรก็ตามใน 1Q61 คาดการดำเนินงานจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดในรอบปี จาก i)การขยายตัวเด่นของอุตสาหกรรม (ใน 2M61 ตัวเลขนักท่องเที่ยวขยับขึ้น เป็น 7.1 ล้านราย เพิ่มสูงขึ้น จากปีก่อน 15.0%) หลักๆจากการเพิ่มในกลุ่มลูกค้าจีน จากฐานที่ต่ำในช่วงเดียวกันในปีก่อนหลังได้รับผลกระทบทัวร์ศูนย์เหรียญ บวกในปีนีมี้นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาในประเทศไทยค่อนข้างมาก ขณะที่ในประเทศภาครัฐมีออกมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวเพิ่มเติม เช่นมาตรการภาษีส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด ii)ในส่วน JW Marriot ในไตรมาสนี้ไม่มีการปิด Renovate ขณะที่ห้องพัก (129 ห้อง) ที่ปิดปรับปรุงในปีก่อนได้เปิดให้บริการแล้วและมีการปรับราคาขึ้น อีกราว 10-15% iii)การเปิด Hop Inn ในประเทศเพิ่ม 2 แห่ง ใน จ.กระบี่ และ จ.สุรินทร์
ประเมินราคาพื้นฐานปี 61 เท่ากับ 9.50 บาท แนะนำ “ซื้อ”
อุตสาหกรรมขยายตัวเด่น หากคาด ERW จะได้ประโยชน์สูงสุดในกลุ่ม จากบริการกลุ่มลูกค้าหลากหลาย อีกทั้ง เพิ่มจำนวนโรงแรมต่อเนื่อง ทำให้ทางฝ่ ายปรับคำแนะนำขึ้นจากเดิม“ทยอยซื้อ ” เป็น “ซื้อ ” และประเมินราคาพื้นฐานปี 61 อยู่ที่ 9.50 บาท