ไม่มีใครปฏิเสธว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นอุตสาหกรรมที่โตต่อเนื่อง และยืนค้ำเศรษฐกิจไทยอยู่ได้ในช่วงยุคตกต่ำ ในตลาดหุ้นไทยหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนและมีวอลุ่มซื้อขายคงมีไม่กี่ตัวนัก ได้แก่ MINT CENTEL และตัวสุดท้าย ERW
วันนี้เราจะมาดู ERW กันครับ ....
ERW ทำธุรกิจโรงแรมและบริหารพื้นที่ให้เช่า มีฐานลูกค้าครอบคลุมทุกกลุ่ม ตั้งแต่ระดับ Luxury, Mid-Scale, Economy ไปจนถึงระดับ Budget เช่น โรงแรม แกรนด์ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพ , เจดับบลิว แมริออท กรุงเทพ ,โรงแรมคอร์ทยาร์ด , โรงแรมเมอร์เคียว กรุงเทพ สยาม และโรงแรม HOP INN
ล่าสุด ERW ทำจุดสูงสุดของรอบ ฯ ระดับราคา 5.80 บาท ณ วันที่ 11/7/2560 และราคาก็ลงมาพักฐานอยู่ระดับ 5.20 บาท ด้วยวอลุ่มซื้อขายที่หนาแน่น เป็นการบ่งบอกว่ามีผู้ลงทุนให้ความสนใจหุ้นตัวนี้อยู่ในระดับสูงพอสมควร
โรงแรม HOP Inn ดาวรุ่งดวงใหม่ของ ERW
ERW มีหนี้สินอยู่ที่ 9.9 พันล้าน และส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 5.1 พันล้าน ทำให้อัตราส่วน Debt/Equity อยู่ที่ 1.9 เท่า อยู่ในระดับสูงพอสมควร แต่ก็ยังไม่เกิน 2 เท่า นักลงทุนต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
ด้วยอัตราส่วน P/E ที่ 35 เท่า และ P/BV ที่ 2.6 เท่า ถือว่าไม่ใช่หุ้นถูก ในทางกลับกันนักลงทุนก็ให้มูลค่าค่อนข้างสูงพอสมควร แต่เมื่ออ่านถึงสิ่งที่บริษัทจะทำแล้วก็ถือว่าอนาคตสดใส การสร้างโรงแรมเพิ่มโดยเฉพาะในกลุ่ม Budget Hotel อย่าง HOP INN ที่คืนทุนเร็ว สร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจ อีกทั้งการขยายกิจการไปยังต่างประเทศอย่างฟิลิปปินส์ ถือว่าเป็นเรื่องนราวที่น่าสนใจมาก
อย่างไรก็ตาม การปันผลที่ 1% ถือว่าไม่น่าจูงใจให้เป็นหุ้นที่นักลงทุนถือแล้วรับปันผลเท่าไรนัก
ดีบีเอส วิคเคอร์ส คาดการณ์กำไรหลัก 2Q60 ออกมาโดดเด่นในกลุ่มโรงแรมเป็น 41.3 ล้านบาท เทียบ y-o-y ที่ 1 ล้านบาท สืบเนื่องจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนไทย นั่นคือทำให้สามารถเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) เติบโตได้ 6% และมีปัจจัยบวกอื่นๆเสริมด้วยคือ มีห้องพักเพิ่มขึ้น สามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นได้มากขึ้น รวมทั้งภาระดอกเบี้ยจ่ายที่ปรับตัวลง อย่างไรก็ตามกำไรหลัก 2Q60 กลับอ่อนลงจาก q-o-q ที่มีกำไรถึง 208 ล้านบาท อันเป็นไปตามปัจจัยฤดูกาล ด้านกำไรสุทธิจะยิ่งมาก เพราะบันทึกกำไรพิเศษประมาณ 15.9 ล้านบาท จากการขายช็อปเฮ้าส์ที่มุกดาหารและแม่สอดออกไป 4 ยูนิต
คาดว่าในช่วงที่เหลือปีนี้ กำไรยังมีการเติบโตที่สดใส จากภาวะท่องเที่ยวไทยที่ดีขึ้น บริษัทเน้นการดำเนินธุรกิจโรงแรมในไทย มีการกระจายความเสี่ยงที่ดี และมีกลุ่มเป้าหมายที่ครอบคลุมคือ ระดับไม่แพง (Budget) จนถึงหรูหรา
คงคำแนะนำซื้อ ด้วยราคาพื้นฐาน 5.80 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี DCF ราคาปิดมีส่วนเพิ่มจำกัดลงเป็น 7% หลังราคาหุ้นปรับขึ้นดี สอดคล้องกับคำแนะนำ แต่หากกำไร 2Q60 ออกมาดีกว่าคาดอย่างมีนัยสำคัญ ก็อาจมีการปรับประมาณการและราคาพื้นฐานตามมา
บล.เคทีบี กล่าวว่า ระยะสั้นยังมีปัจจัยบวกจากแนวโน้มกำไรสุทธิ Q1/60 ที่คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ดี QoQ และมีลุ้นเติบโต YoY เนื่องจากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นจากปลายปีก่อน แนะซื้อ ราคาเป้าหมาย 5.70 บาท (DCF) มองแนวโน้มกำไรอนาคตน่าสนใจ จากแผนขยายโรงแรม HOP INN คาดกำไรสุทธิปี 60 โต 18% มาอยู่ที่ 433ลบ.
บล.แอพเพิล เวลธ์ คาดผลประกอบการจะฟื้นตัวดีต่อเนื่องในช่วง Q1/60 ผลจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มกลับมาเพิ่มขึ้น และผลจากการดีเลย์ของการจัดงานเลี้ยงรื่นเริงจากการไว้อาลัยใน Q4/59 จะกลับมาบันทึกใน Q1/60
ส่วนงบทั้งปีวงการคาด ERW จะทำกำไรเติบโตราว 18-40% จากแผนขยายโรงแรม HOP INN ทั้งในไทยและฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะปีนี้จะเป็นปีแรกที่รับรู้รายได้เต็มปีจากโรงแรม HOP INN ในฟิลิปปินส์หลังเพิ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือน ธ.ค.59
บล.แอพเพิล เวลธ์ คาดกำไรปี 60 ที่ 515 ลบ. โต 40% YoY จากธุรกิจโรงแรมที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นทุก Segment ประเมินราคาพื้นฐานปี 60 ที่ 5.40 บาท แนะ “ซื้อ”
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะนำซื้อ ราคาเหมาะสม 5.40 บาท มองว่าปี 60 เป็นปีของการเติบโต โดยปัจจัยสนับสนุนมาจาก 1.อัตราการเข้าพักที่สูงขึ้น 2.อัตราห้องพักที่สูงขึ้น 3. ต้นทุนทางการเงินที่ลดลง 0.3% 4. สัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้นจาก Hop Inn และ 5.รายได้อาหารและเครื่องดื่มที่สูงขึ้น โดยคาดรายได้จะสูงขึ้น 14% YoY ในปี60
บล.เออีซี คาดกำไรปกติปี 60 โต 19.6% YoY ด้วยแรงหนุนจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่ยังคงแข็งแกร่ง และบริษัทยังมีแผนขยายเครือข่ายโรงแรมให้ครอบคลุมทุกระดับ โดยปีนี้มีแผนเปิด HOP INN ในไทย 8 แห่งและฟิลิปปินส์ 1 แห่ง เพื่อผลักดันการเติบโตของผลดำเนินงานในระยะยาว ราคาหุ้นยังมี Upside 11.3% จึงแนะนำ "ซื้อ" เป้าหมาย 5.30 บาท
คำถามที่ตามมาคือราคาหุ้น ERW ที่ปรับขึ้นมาต่อเนื่องหลายวันทำการ จัดว่าแพงไปหรือยัง โดยหากเทียบกับราคาเหมาะสมปีนี้ที่ 5.40-5.80 บาท ถือว่ามีอัพไซด์ราว12-20% ขณะที่สัญญาณเทคนิค บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะเก็งกำไร แนวต้านแรก 4.90-5 บาท และแนวต้านถัดไปที่ 5.20 บาท โดยมีแนวรับ 4.60-4.70 บาท
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
เจาะโมเดลธุรกิจ ERW กับ 2 เซียนหุ้น
http://www.stock2morrow.com/discuss/room/1/topic/1207