ห้องเม่าปีกเหล็ก

5 โบรกสแกน 14 หุ้นน่าลงทุน

โดย บุปผาวดี
เผยแพร่ :
321 views

หุ้นเด่นวันนี้ ! 5 โบรกสแกน 14 หุ้นน่าลงทุน เน้นเก็งกำไรแบงก์-ค้าปลีก TNN Wealth

 

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า   SET Index วานนี้เคลื่อนไหวด้วยความผันผวนค่อนข้างมาก กล่าวคือ ตลาดเปิดปรับตัวลดลงสู่ระดับ 1,590 จุด ในช่วงต้นของการซื้อขายก่อนจะรีบาวน์ปิดในทิศทางบวกเพิ่มขึ้นกว่า 7.8 จุด เทียบเท่า +0.49% 

 

สาเหตุหลักมาจากการปรับฐานของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (SET ETRON -5.06%) หลังการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเฉลี่ย 36.5% ในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่การรายงานตัวเลขเงินเฟ้อไทยในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา กอปรกับ US ICE Dollar Index ที่ปรับตัวลดลงจากวันก่อนหน้าสู่ระดับ 106.3 จุด หนุน Fund Flow ต่างชาติซื้อสุทธิกว่า 4.5 พันลบ. ส่งผลให้กลุ่มหุ้นที่มีสัดส่วนการถือครองของนักลงทุนต่างชาติสูง อาทิ กลุ่มธนาคารพาณิชย์และค้าปลีกปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาด

สำหรับปัจจัยที่ขับเคลื่อนตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ มาจากการกลับมาให้น้ำหนักต่อการเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q65 ของบริษัทจดทะเบียน โดยกลุ่มหุ้นที่ปรับตัวลดลงมากกว่าตลาดคือ Technology หลัง NVIDIA Corp. รายงานรายได้ที่ต่ำกว่าตลาดคาด 2 ไตรมาสติดต่อกัน ส่งผลให้หุ้นปรับตัวลดลงกว่า 6.3% พร้อมสร้าง Sentiment เชิงลบต่อกลุ่ม Chip Maker ที่ปิดปรับตัวในแดนลบ  

 

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยระดับมหภาคที่ยังช่วยหนุนตลาดคือวุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายพลังงานสะอาดมูลค่า 4.3 แสนล้านดอลลาร์ หนุนการปรับตัวขึ้นของบริษัทประกอบธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า

ส่วนการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์สำคัญ ที่เป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำวานนี้ คือการรายงานตัวเลขภาคการจ้างงานของสหรัฐฯ ในช่วงปลายสัปดาห์ก่อนที่ดีกว่าตลาดคาดอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับการรายงานตัวเลขส่งออกของจีนที่เติบโตขึ้นเด่นกว่า 18% YoY สะท้อนอุปสงค์โลกที่ยังอยู่ในระดับแข็งแกร่ง เป็นผลให้ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เกิดการรีบาวน์สูงขึ้นและปิดปรับตัว +2.0% สู่ระดับ US$90.80/bbl 

 

อย่างไรก็ตาม เราคาดกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index วันนี้ที่ 1,600-1,615 จุด เป็นการเคลื่อนไหวในกรอบแคบเพื่อรอติดตามการรายงานเงินเฟ้อเดือน ก.ค. ของสหรัฐฯ ในวันที่ 10 ส.ค. ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการกำหนดนโยบายการเงินของ FED ในการประชุม FOMC ครั้งถัดไป แต่กลุ่มหุ้นที่เปิดโอกาสเก็งกำไรระยะสั้นคือกลุ่มพลังงานต้นน้ำจากการรีบาวน์ของราคาน้ำมันดิบ รวมถึงธนาคารพาณิชย์และค้าปลีกจาก Fund Flow ต่างชาติที่ไหลกลับเข้าสู่ประเทศในกลุ่ม Emerging Market

 

  

หุ้นเด่นตัวแรกคือ    CPNREIT รายงานผลประกอบการ 2Q65 มีรายได้จากการลงทุนสิทธิที่ 358 ลบ. เติบโต +602% YoY และ +33% QoQ รายได้ค่าเช่าและบริการเพิ่มขึ้น +46% YoY และ +12% QoQ เป็น 1.2 พันลบ. หลังจำนวนผู้ใช้บริการเร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 67% ของ Pre-Covid เทียบกับ 1Q65 ที่ 61% และ 2Q64 ที่ 45% 

 

บริษัทมีกำไรพิเศษจากการตีมูลค่าทางบัญชี 498 ลบ.ใน 2Q65 ส่งผลให้กลับมาจ่ายเงินปันผลแบบ XD โดยไม่มีการลดทุนได้เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ไตรมาส หุ้นละ 0.28 บาท ให้ Yield 1.5% ขึ้น XD 17 ส.ค. เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญต่อการลงทุนของนักลงทุนสถาบัน


 

หุ้นเด่น ถัดมาคือ  SPALI  เราคาดกำไร 2Q65 ที่ 1.7 พันลบ. เติบโต +48% QoQ ขณะที่เงินปันผล 1H65 คาดหุ้นละ 0.50 บาท +/- ให้ Dividend Yield 2.5% และทั้งปี 2565 เงินปันผลหุ้นละ 1.21 บาท ให้ Dividend Yield 6.1% รวมทั้ง Valuation ค่อนข้างถูกที่ PER2565 เพียง 6.1 เท่า

 

การปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมกนง. วันที่ 10 ส.ค. คาดขึ้นดอกเบี้ย +0.25% จาก 0.50% เป็น 0.75% ไม่ใช่ปัจจัยลบใหม่ต่อกลุ่มอสังหาริมทรัพย์แล้ว และการทยอยเริ่มเปิดโครงการแนวสูงของผู้ประกอบการในปี 2565 สะท้อน Demand ที่เริ่มกลับมา และการระบายสต็อกโดยการลดราคาแบบผิดปกติได้สิ้นสุดลงแล้ว 

 

หุ้นเด่น อีกตัวคือ    PLANB  เราคาดกำไรปกติ 2Q65 ที่ 139 ลบ. พลิกกลับจากขาดทุน YoY และเติบโต +33% QoQ ตามการฟื้นตัวของเม็ดเงินโฆษณารับผลบวกจากผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ส่งผลให้กิจกรรมทางการตลาดกลับมาปกติมากขึ้น หนุน Utilization Rate เพิ่มขึ้นเป็น 55.0% ใน 2Q65 เทียบกับ 1Q65 และ 2Q64 ที่ 52.1% และ 42.8% ตามลำดับ 

 

แนวโน้มกำไร 2H65 ดีขึ้น HoH ได้ประโยชน์เต็มที่จากการฟื้นตัวหลัง COVID หนุนผลประกอบการปี 2565 พลิกเป็นกำไร 669 ลบ. และเติบโต +33% YoY เป็น 892 ลบ. 

 

หุ้นเด่นสุดท้าย คือ  MINT ภาพทางเทคนิค แนวต้าน 35.25 บาท แนวรับ 33.75  บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 33.00  บาท  คาดกำไรปกติ 2Q65 ที่ 2.1 พันลบ. พลิกกลับจากขาดทุน YoY และ QoQ และมีโอกาสดีกว่าคาดของ Consensus เราประเมินว่ามีโอกาสที่จะเห็นการปรับเพิ่มประมาณการกำไรหลังรายงานงบ 2Q65 

 

 

บล.เอเซียพลัส   ปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานที่อยู่ในความสนใจอยู่ที่สถานการณ์ในช่องแคบไต้หวัน และทะเลจีนใต้ ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันยังเต็มไปด้วยการซ้อมรบด้วยกระสุนจริงแม้ จะประเมินสถานการณ์แล้วยังไม่ถึงระดับที่จะนำไปสู่การใช้กำลังทางทหารระหว่าง กัน แต่ก็มีความเสี่ยงในเรื่องของอุบัติเหตุหรือความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการซ้อม รบ ส่วนรัสเซีย-ยูเครน สถานการณ์ก็ยังมองไม่เห็นจุดยุติด้วยการเจรจา 

 

อย่างไร ก็ตาม เป็นข้อสังเกตุว่าตลาดการเงินโลกดูเหมือนว่าจะไม่ตอบสนองความเสี่ยงเชิง ภูมิรัฐศาสตร์ดังกล่าวอย่างมีนัยสำคัญ สำหรับตลาดหุ้นไทยมองเห็นทิศทางของ Fund Flow ที่ไหลเข้ามาชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสุทธิในตลาดหุ้น หรือการ เปิด long ในตลาด Future ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นความคาดหวังว่าเงินบาทไม่น่าจะ อ่อนค่าเพิ่ม หลังเงินเฟ้อเดือน ก.ค. เบาลง 

 

ขณะที่ กนง. กำลังปรับขึ้นดอกเบี้ย SET Index น่าจะผันผวนทิศทางขึ้นกรอบ 1,600 – 1,615 จุด พอร์ตจำลองวันนี้ ไม่ มีการปรับเปลี่ยน โดยให้ถือเป็นเงินสด 20% หุ้น Top Pick เลือก   KBANK, BAM และ VNG 

 

 

 นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส   บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า  วันนี้คาด SET แกว่งขึ้น ในกรอบแนวรับ 1,600 จุด และแนวต้าน 1,630 จุดเน้นหุ้นคาดแนวโน้มกำไรดี 


 

โดยหุ้นเด่นวันนี้แนะนำ  CRC   คาดกำไร 2Q 65 +60%QoQและพลิกจากขาดทุน 472ล้านบาท ใน 2Q64 จากทั้งยอดขายและอัตราการทำกำไรขั้นต้นสูงขึ้น โดย% SSSG2Q 65 คาดเพิ่มขึ้นราว 21-22% เป็นบวกทั้งไทยเวียดนาม และอิตาลี และคาด2H65ยังดีต่อเนื่องจากท่องเที่ยวไทยขยายตัวเด่นเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 43 บาท

 

 หุ้นเด่นตัวต่อมาคือ    BBIK  คาดกำไร 2Q65 จะทำจุดสูงสุดใหม่ จากการรับรู้ Backlog ที่สูง(secure รายได้ในปีนี้ จนไปถึงกลางปีหน้าแล้ว) สอดคล้องกับ

Digital Transformation ที่ยังคงเป็น เมกะเทรนด์ และในช่วงถัดไปจะได้แรงหนุนจากการขยายธุรกิจไปยังอาเซียนและยุโรปหนุนการเติบโตอีกมาก เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 90 บาท

 

 

 

 

 

บล.ไทยพาณิชย์       SET ขึ้นมาเคลื่อนไหวบริเวณ 1,600 จุด ขณะที่สัญญาณเทคนิคเข้าสู่ภาวะ Overbought ทำให้ยังต้องระวังการอ่อนตัวสลับเพื่อลดความร้อนแรง และในระยะสั้นกรอบบนยังจำกัดที่แนวต้าน 1,610-1,620 จุด ด้านกรอบล่างติดตามแนวรับที่ 1,589-1,580 จุด หากต่ำกว่า จะเริ่มเป็นสัญญาณลบ ส่วนประเด็นสำคัญ ติดตามรายงานเงินเฟ้อสหรัฐประจำเดือนก.ค. พุธนี้ 

 


 


 

หุ้นเด่นวันนี้แนะนำ    MINT 2Q65 (ราคาเป้าหมาย 38.00 บ.) จะเป็นไตรมาสที่ดี โดยคาดกำไรปกติที่ 1.4 พันลบ. ฟื้นตัวจากขาดทุนปกติใน 2Q64 และ 1Q65 แรงหนุนจากธุรกิจโรงแรมในยุโรปที่แข็งแกร่งขึ้น ส่วน 2H65 คาดผลประกอบการจะมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการเดินทางที่ค้างจากช่วงก่อนหน้าในยุโรป การกลับมาเปิดประเทศอีกครั้งของไทย และการผ่อนคลายข้อจำกัดของจีน


 


หุ้นเด่นอีกตัวคือ   CRC 2Q65 (ราคาเป้าหมาย 45.00 บ.) คาดกำไรปกติที่ 1.3 พันลบ. ฟื้นตัวจากขาดทุนปกติ 401 ลบ. ใน 2Q64 และ +18% QoQ แรงหนุนจากยอดขายปลีกและรายได้จากการให้เช่าที่ดีขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นที่กว้างขึ้น และการควบคุมค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายได้ดีขึ้น ขณะที่ปี 2565 คาดมีกำไรปกติเพิ่มขึ้นแตะ 5,035 ลบ. เติบโต 224%YoY เติบโตดีสุดในกลุ่มพาณิชย์


 

 

 

 


 

ขณะที่ บล.กสิกรไทย  มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ  1,600-1,630 จุด โดยหุ้นเด่นวันนี้แนะนำ 3 ตัวคือ SCB ราคาปัจจุบันอยู่ที่  107   บาท เป้าหมาย 117   บาท   ตัวต่อมาคือ  GULF  ราคาปัจจุบัน  49.75  บาท   ราคาเป้าหมาย  54.50    บาท  และ  ECL   ราคาปัจจุบัน  2.46 บาท ราคาเป้าหมาย    2.70  บาท  


 

 

ที่มา : บล.หยวนต้า,  บล.เอเซียพลัส, บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย), บล.ไทยพาณิชย์ ,บล.กสิกรไทย

 

ภาพประกอบข่าว : AFP,  TNN Online,

 

 


บุปผาวดี