CPN รายได้ธุรกิจบ้านจะเป็น 1 หมื่นลบ. ในปี 2569
กลยุทธ์การพัฒนาที่สนับสนุนการเติบโตอย่างชัดเจน ธุรกิจที่อยู่อาศัยถือเป็นธุรกิจที่สำคัญอีกธุรกิจหนึ่งของการพัฒนาของ CPN ในแนวคิด “การพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสที่นำโดยธุรกิจค้าปลีก” เนื่องจากสามารถสร้างการผนึกกำลังกับโครงการมิกซ์ยูสที่มีอยู่และโครงการใหม่ รวมถึงสร้างมูลค่าที่เพิ่มขึ้นให้กับ CPN ในมุมมองของเรา
การอาศัยติดกับห้างสรรพสินค้าหรือใกล้ห้างสรรพสินค้าเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จในการกระตุ้นอุปสงค์ ในขณะที่ผู้ซื้อโครงการที่อยู่อาศัยของ CPN จะเป็นลูกค้าหลักระยะยาวของห้างสรรพสินค้าและธุรกิจอื่น ๆ ของ CPN ในโครงการมิกซ์ยูส เช่น โรงแรม สำนักงาน และร้านอาหาร โดยเริ่มต้นจากโครงการคอนโดติดกับห้างสรรพสินค้าในเชียงใหม่ ระยอง และขอนแก่น ในปี 2559 ปัจจุบัน CPN ได้ขยายการพัฒนาไป 18 จังหวัดในขณะนี้ และปิดไปแล้ว 12 โครงการ
อยู่ในช่วงการขยายตัวและการเติบโตสูง หลังจากก้าวขึ้นมาในธุรกิจที่อยู่อาศัยตั้งแต่ปี 2559 CPN จะมีโครงการที่อยู่อาศัยรวม 35 โครงการภายในสิ้นปี 2566 ที่ครอบคลุมกลุ่มระดับกลางถึงระดับหรู พร้อมด้วยผลิตภัณฑ์คอนโดมิเนียมและแนวราบครบชุด ปัจจุบัน CPN มีแบรนด์ภายใต้กลุ่มผลิตภัณฑ์ 7 แบรนด์ ได้แก่ Escent และ Phyll สำหรับคอนโดติดกับห้างสรรพสินค้าและใกล้ห้างสรรพสินค้า ตามลำดับ Escent Town และ Escent Avenue สำหรับทาวน์เฮาส์ และ Baan Niyham Baan Ninya และ Baan Nirati สำหรับบ้านเดี่ยว (SDH) นอกจากนี้ Baan Nirada จะเป็นแบรนด์ใหม่ของ CPN สำหรับผลิตภัณฑ์ SDH ที่จะเน้นจับตลาดกลุ่มระดับราคา 20-30 ลบ.
CPN มีแผนเพิ่มโครงการบ้านใหม่อย่างน้อย 15 โครงการในปี 2567-2569 และขยายครอบคลุม 24 จังหวัด ซึ่งจะช่วยสนับสนุนช่วงการเติบโตที่สูงของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มรายได้จากการขายจาก 2.8 พันลบ. ในปี 2565 เป็น 5.5 พันลบ. 6.0 พันลบ. 8.0 พันลบ. และ 1.0 หมื่นลบ. ในปี 2566-2569 ตามลำดับ ในปี 2566 CPN มีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ 7 โครงการ มูลค่ารวม 9.9 พันลบ. (ระดับสูงสุดเท่าที่เคยมีมา) ซึ่งประกอบด้วยโครงการคอนโดใหม่ 3 โครงการมูลค่ารวม 1.9 พันลบ. และโครงการแนวราบใหม่ 4 โครงการมูลค่า 8.0 พันลบ. นอกจากโครงการที่เพชรบุรีแล้ว โครงการใหม่ในบุรีรัมย์ บางนา นครศรีธรรมราช พระราม 2 เอกชัย และอุทยาน จะเปิดตัวในปี 2566
คงคำแนะนำ “ซื้อ” และ TP สิ้นปี 2567 ที่ 79.0 บาท สำหรับ CPN แนวโน้มธุรกิจที่อยู่อาศัยที่แข็งแกร่งจะเป็นตัวต่อยอดกำไรที่จะเติบโตดีจากธุรกิจค้าปลีกของบริษัทฯ
