ห้องเม่าปีกเหล็ก

นักเศรษฐศาสตร์ ฟันธง กนง. ‘ขึ้นดอกเบี้ย’

โดย dave
เผยแพร่ :
197 views

นักเศรษฐศาสตร์ ฟันธง กนง. ‘ขึ้นดอกเบี้ย’ 0.25% รอบสุดท้าย!

 

 

นักเศรษฐศาสตร์ฟันธง กนง.ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% พุธนี้ “เกียรตินาคินภัทร-กสิกรไทย” ชี้ขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งสุดท้าย คาดจบที่ 2.25% “ซีไอเอ็มบีไทย” แนะชะลอขึ้นดอกเบี้ยไปรอบหน้า เก็บกระสุนไว้รอดูตั้งรัฐบาลสำเร็จหรือไม่

  นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 2 ส.ค.2566 คาดว่า กนง.จะขึ้นดอกเบี้ย ที่ 0.25% มาอยู่ที่ 2.25%

    ทั้งนี้จะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย เนื่องจากเริ่มมีคำถามมากขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าที่อาจต้องเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น รวมถึงหนี้ครัวเรือนที่อยู่ระดับสูงและเงินเฟ้อที่ลงมาค่อนข้างมาก ดังนั้นการขึ้นดอกเบี้ยไปเรื่อยๆจะ Over Tighten หรือเข้มเกินไปหรือไม่
 

      สำหรับเหตุผลที่มองว่า การขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้จะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย เนื่องจากหากดูภาพเศรษฐกิจโดยรวม หากหักท่องเที่ยวออก เศรษฐกิจไทยไม่มีปัจจัยบวก คนในประเทศไม่ได้รู้สึกว่าเศรษฐกิจไทยดีขึ้น

     อีกทั้งหากดูอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปัจจุบัน ถือว่าแพงกว่า หากเทียบกับระดับก่อนโควิด-19 แล้ว ดังนั้นเหล่านี้อาจส่งผลให้ผู้กู้และเศรษฐกิจมีความยากลำบากมากขึ้น

       สุดท้ายคือ ประเด็นเงินเฟ้อ ที่มีทิศทางปรับลดลงต่อเนื่อง โดยเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ราว 1.3% ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานหากดูเดือนต่อเดือน อาจติดลบได้ ดังนั้นการปรับตัวลดลงของเงินเฟ้อ ไม่ได้เป็นปัจจัยหนุนให้ขึ้นดอกเบี้ยต่อในระยะข้างหน้า

      ขณะเดียวกันเงินเฟ้อที่ปรับลดลงต่อเนื่องทำให้ปัจจุบัน ดอกเบี้ยที่แท้จริงกลับมาเป็นบวกแล้ว และจะเป็นบวกมากขึ้นในระยะข้างหน้า ดังนั้นเหล่านี้ก็เป็นไปตามที่ ธปท.คาดหวังที่จะเห็นแล้ว

     “เรามองว่าหาก กนง.จะขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอีกหลังจากนี้จะ Tighten เกินไปหรือไม่ เพราะวันนี้ภาพเศรษฐกิจไทยไม่ได้ฟื้นตัว และเศรษฐกิจไทยมีการฟื้นตัวไม่ทั่วถึง และยังมีปัญหาหนี้ครัวเรือน หนี้เอสเอ็มอีที่เป็นผลมาจากดอกเบี้ยที่สูงกว่าโควิด” นายพิพัฒน์ กล่าว

 

คาดกนง.ขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อเด้ง

     นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย และที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) กล่าวว่า การคาดการณ์ของตลาดวันนี้ คาดว่าการประชุมรอบนี้ กนง.ขึ้นดอกเบี้ยแน่นอนที่ 0.25% เพื่อพยายามไปกดเงินเฟ้อคาดการณ์ในอนาคตจากเศรษฐกิจที่อาจฟื้นตัวในอนาคต

      บวกกับมาตรการรัฐที่จะออกมา เช่น การปรับขึ้นค่าแรงและนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า ที่อาจกระตุ้นให้เงินเฟ้อขึ้นต่อเนื่องในปีถัดไปได้ ดังนั้นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ อาจเป็นการเตรียมความพร้อม เพื่อให้สถานการณ์เงินเฟ้อในอนาคตสูงเกินไป แม้ปัจจุบัน เงินเฟ้อจะมีทิศทางลดลงต่อเนื่อง

      แต่อย่างไรก็ตามแม้มองว่าการขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% อาจเป็นระดับที่เหมาะสม ภายใต้ทั่วโลกที่ปัจจุบันเริ่มมีการคงดอกเบี้ยมากขึ้น แต่ที่ห่วงคือ ไทม์มิ่งหรือจังหวะในการขึ้นดอกเบี้ยในปัจจุบันว่าเหมาะสมหรือไม่ ภายใต้สถานการณ์การเมืองในปัจจุบันที่ยังคงเป็นความเสี่ยงจากการจัดตั้งรัฐบาลที่ยังมีความไม่ชัดเจน ซึ่งอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นและกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ได้

      ดังนั้นภาคการคลังภายใต้การจัดตั้งรัฐบาลยังไม่เสร็จสิ้น และคาดว่ากว่าจะผ่านงบประมาณปี 2567 อาจต้องรอถึงเดือน มี.ค.-เม.ย.ปีหน้า ดังนั้นภาคการคลังอาจไม่ได้เป็นพระเอกในการผลักดันเศรษฐกิจ และภาคการเงินอาจต้องทำหน้าที่ในการสนับสนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อเนื่อง

       “แม้มองว่าการขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้เหมาะสม แต่ส่วนตัวอยากให้รอขึ้นรอบหน้าเพื่อรอดูความชัดเจนจากการเมืองก่อน เพราะเป็นความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า แล้วค่อยขึ้นดอกเบี้ยก็ได้” นายอรมเทพ กล่าว

ชี้แรงกดดันขึ้นดอกเบี้ยลด

     นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า คาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยของ กนง.ครั้งนี้มีโอกาสขึ้นที่ 0.25%

      ซึ่งจะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย เนื่องจากความกดดันจากเงินเฟ้อมีน้อยลง และเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงมากขึ้น ทั้งจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ระดับสูง และปัญหาภัยแล้งที่ยังมีความเสี่ยงในระยะข้างหน้าเพิ่มขึ้น บวกกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่ยังไม่ได้กลับมาเหมือนระดับก่อนแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

     นอกจากนี้ แรงกดดันจากภายนอกประเทศ โดยเฉพาะการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และธนาคารกลางต่างประเทศมีน้อยลง จากการคาดการณ์ว่า เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งสุดท้ายในระยะข้างหน้า หรือดอกเบี้ยถึงจุดสูงสุดไปแล้ว ดังนั้นเหตุผลในการขึ้นดอกเบี้ยของ กนง.มีน้อยลง

      “โอกาสที่ กนง.จะขึ้นดอกเบี้ยหลังจากนี้มีไม่มาก ยกเว้น ธปท.อยากสร้าง Policy space เพราะแรงกดดันวันนี้ ทั้งในและต่างประเทศลดลงแล้ว เศรษฐกิจไม่ได้เติบโตร้อนแรง ดังนั้นการเร่งขึ้นดอกเบี้ยไป อาจสร้างแรงดันในระยะข้างหน้าได้ หากนักท่องเที่ยว อาจไม่ได้กลับมาเร็ว หรือเงินเฟ้อไม่ได้เพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้า ขณะที่ส่งออกก็อ่อนแอ เศรษฐกิจเต็มไปด้วยความเสี่ยง ทั้งหนี้ครัวเรือน ภัยแล้ง ความเชื่อมั่นไม่ได้ดีมาก เหล่านี้เป็นความท้าทายที่ กนง.ต้องทบทวนมากขึ้น” นายบุรินทร์ กล่าว

 

 


dave