
น่าสนใจว่าในภาวะที่สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก เผชิญความเสี่ยงอยู่บ่อยครั้งเช่นนี้ จะมีกลยุทธ์การเลือกหุ้นอย่างไรที่จะเป็น “ภูมิต้านทาน” ให้กับผู้ลงทุนได้ ลองไปติดตามกับกลยุทธ์ของกองทุนระดับโลก อย่าง "มอร์แกน สแตนเลย์"
เริ่มที่ความเสี่ยงระยะสั้น กับการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส มีความเห็นจากคุณ "ลอร่า โบเตก้า" กรรมการผู้จัดการ ทีมบริหารการลงทุนของ "มอร์แกน สแตนเลย์" บอกว่า ในระยะสั้น การเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่กดดันการลงทุนและต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
เพราะหากชัยชนะเป็นของนางมารีน เลอแปง ในการเลือกตั้งรอบที่ 2 ซึ่งมีนโยบายนำฝรั่งเศสออกจากสหภาพยุโรป ก็จะทำให้บรรยากาศการลงทุนทั่วโลก กลับเข้าสู่โหมดความผันผวนอีกครั้ง
แต่อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของ "มอร์แกน สแตนเลย์" มองว่า ความเสี่ยงที่ยุโรปเผชิญอยู่ในขณะนี้ ก็เป็นโอกาสสำหรับการลงทุนเช่นกัน เพราะที่ผ่านมา หุ้นคุณภาพดีหลายบริษัทในรุปโรป มีสัญญาณการย่อตัว ตามการลดความเสี่ยงของผู้ลงทุน ทำให้เป็นจังหวะที่"มอร์แกน สแตนเลย์" หาโอกาสเข้าลงทุนเพิ่ม
ทีมบริหารการลงทุนของ "มอร์แกน สแตนเลย์" ย้ำด้วยว่าการที่ "มอร์แกน สแตนเลย์" เพิ่มน้ำหนักในยุโรป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ายุโรป จะเป้าหมายการลงทุนของ "มอร์แกน สแตนเลย์" ในตอนนี้ เพราะกลยุทธ์ลงทุนหลักของค่าย ยังเน้นที่คุณภาพของบริษัทมากกว่า
เพราะเขาเชื่อว่า การเลือกลงทุนในหุ้นคุณภาพดีจะเป็นภูมิต้านทานต่อความผันผวนของเศรษฐกิจภายนอกได้ดีกว่า
ซึ่งหุ้นคุณภาพดีและมีภูมิต้านทาน ในความหมายของ "มอร์แกน สแตนเลย์" คือ บริษัทที่สามารถสร้างรายได้ และทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ ขณะเดียวกัน ต้องดำเนินธุรกิจด้วยนโยบายที่ คำนึงถึงประโยชน์ของผู้ถือหุ้นในระยะยาวเป็นหลัก
โดยในกระบวนการคัดเลือกหุ้น "มอร์แกน สแตนเลย์" จะพิจารณาประเด็นของ "Valuation" ประกอบด้วย ความหมายก็คือ จะซื้อหุ้นในราคาที่เหมาะสม โดยที่ไม่แพงจนเกินไป
แต่อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา ราคาหุ้นทั่วโลก ปรับตัวขึ้นมาพอสมควรแล้ว จากสภาพคล่องจำนวนมากที่ไหลเข้ามาหาผลตอบแทนสินทรัพย์เสี่ยง จนทำให้ผู้ลงทุนอาจจะมองว่าหุ้นคุณภาพดีเหล่านี้ ราคาแพงไปแล้วหรือยัง?
คำตอบของ "มอร์แกน สแตนเลย์" คือ เป็นเรื่องปกติที่ราคาหุ้นจะถูกมองว่าแพงแล้ว โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีก่อน แต่ในจังหวะที่ราคาหุ้นเริ่มแพง เราก็จะเริ่มเห็นนักลงทุนทยอยขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มหนึ่ง แล้วโยกไปลงทุนหุ้นในเซกเตอร์อื่นๆ ที่ราคายังถูกกว่าแทน หรืออย่างในไตรมาส1 ที่ผ่านมา เราเห็นเทรนด์ของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ทั่วโลก มีการซื้อกิจการมากขึ้น ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นลงมา ให้อยู่ในระดับที่น่าสนใจเช่นกัน
ดังนั้น หากมองภาพพื้นฐานประกอบด้วยแล้ว จึงทำให้ "มอร์แกน สแตนเลย์" มองว่าระดับราคาหุ้นในปัจจุบัน ไม่ได้แพงมากนัก หากเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา
เพราะค่ายนี้เชื่อว่า ภาพของเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้น ประกอบกับความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนที่ดีขึ้น บวกกับสภาพคล่องที่ยังคงมองหาผลตอบแทนในสินทรัพย์เสี่ยง จะยังเป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในหุ้นคุณภาพดีในระยะยาวต่อไป
-ที่มา: http://www.moneychannel.co.th/