10 หุ้นขาดทุนมากสุดในครึ่งปีแรก
โบรกฯ ชี้ PTTGC พ้นจุดต่ำสุด จ่อฟื้นตัวเด่น
.
ก่อนหน้านี้ Wealthy Thai ได้รวบรวม 10 อันดับบริษัทกำไรมากสุดในช่วง 6 เดือนปี 66 โดยพบว่า ปตท.ครองแชมป์ฟัน 4.7 หมื่นล้านบาทไปแล้วนั้น ครั้งนี้จึงได้รวบรวมอีกฝั่งอย่าง บริษัทที่มีผลขาดทุนมากที่สุดในตลาดหุ้น เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันมาฝากนักลงทุน
.
ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลผ่าน SETSMART ซึ่งเป็นบริการระบบข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยพบว่า PTTGC มีผลขาดทุนมากสุดในตลาดหุ้นไทย ตามด้วย CPF SINGER, TRUE, SGC, RABBIT, IRPC, KEX, JAS และ ALL ตามลำดับ ซึ่งมีรายละเอียดตาม Infographic ด้านล่าง
.
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่านักวิเคราะห์ประเมิน PTTGC ไว้อย่างน่าสนใจ โดยมีความเห็นว่า PTTGC ผลประกอบการผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้ว หลังจากนี้จะเป็นทิศทางของการฟื้นตัว
.
หากเข้าไปสำรวจมุมมองนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) มองว่าไตรมาส 2/66 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้และคาดว่าจะฟื้นตัวในไตรมาส 3/66 หนุนจากผลงานในธุรกิจต้นน้ำที่ปรับดีขึ้น โดยคาดว่าค่าการกลั่นจะดีขึ้นจากไตรมาสก่อน หลังจากส่วนต่างราคาน้ำมันชนิดกลาง (ดีเซลและเชื้อเพลิงอากาศยาน) ได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในภูมิภาคและสต็อกที่ลดลง
.
ทั้งนี้แม้ส่วนต่างราคาปิโตรเคมี (โพลีเมอร์) จะมีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจนในครึ่งแรกปี 66 แต่คาดว่าเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลงจากเงินเฟ้อและนโยบายการเงินของกลุ่มธนาคารกลางจะเป็นปัจจัยกดดันต่อส่วนต่างราคาในครึ่งหลังปี 66
.
แต่มีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อภาพรวมปี 67-68 เพราะคาดถึงอุปสงค์โพลีเมอร์ที่โตขึ้น (PE, PP ฯลฯ) สูงกว่ากําลังการผลิตส่วนเพิ่มในตลาดโลกปีหน้า
.
ดังนั้นคงคําแนะนํา "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 43 บาท โดยมองว่าราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนผลประกอบการที่อ่อนแอในไตรมาส 2/66 ไปแล้ว จึงคาดว่ามูลค่าหุ้นที่ไม่แพงและประเด็นกําไรฟื้นตัวในครึ่งหลังปี 66 รวมทั้งปี 67 จะช่วยหนุนราคาหุ้นขึ้นได้หลังจากนี้
.
เช่นเดียวกันกับนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 52 บาท มองไตรมาส 2/66 เป็นจุด bottom ของปี สามารถซื้อลงทุนระยะยาว ซึ่งประเมินผ่านช่วงแรงกดดันมากสุดของนโยบายการเมืองไปแล้ว รวมทั้งธุรกิจโรงกลั่นกลับมาฟื้นตัวในครึ่งหลังปี 66 หนุนกำไรฟื้นจากครึ่งปีแรก
.
อีกทั้งในระยะยาวธุรกิจปิโตรเคมีทยอยฟื้นตัว เพราะ oversupply น้อยลงตาม demand ทั่วโลกฟื้นตัว และ supply ใหม่เข้ามาน้อยลง หนุน spread โอเลฟินส์ และ performance material ฟื้นตัวต่อเนื่อง
.
โดยคงมุมมองครึ่งหลังปี 66 จะกลับมามีกำไรปกติดีขึ้นจากครึ่งปีแรก แรงหนุนมาจาก คาดค่าการกลั่นฟื้นมาเป็นระดับ double digits ตามการฟื้นตัวของ gasoil spread ที่ได้ความต้องการใช้ของ EU หนุน และ crude premium ลดลง รวมทั้งไม่มี stock loss มาฉุดเหมือนครึ่งปีแรก และ ฝั่งโอเลฟินส์ฯ กำไรฟื้นตาม spread HDPE ที่ความต้องการใช้จากจีนฟื้นตัว และ feedstock gas มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
.
ขณะที่มุมมองนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดไตรมาส 3/66 คาดผลประกอบการจะสามารถพลิกเป็นกำไรสุทธิได้บางๆ หนุนจากค่าการกลั่นที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว, โอกาสบันทึกกำไรสต็อกน้ำมัน, ขาดทุน FX ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ (หรืออาจเป็นกำไร FX) รวมทั้งกระบวนการผลิตโอเลฟินส์ได้ปัจจัยบวกจากสัดส่วนการใช้วัตถุดิบก๊าซ (อัตรากำไรสูงกว่า Naphtha) เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังปี 66 และเพิ่มขึ้น 50% ในปี 2567 ตามแผนเร่งผลิตก๊าซในอ่าวไทย โดยเฉพาะแหล่งเอราวัณ ดังนั้น คงคำแนะนำ “ซื้อ” ประเมินราคาเหมาะสม 47.00 บาท ปัจจุบันมูลค่าหุ้นไม่แพง
