นักวิเคราะห์แนะนำ 5 หุ้นเด่น
เอาชนะตลาดในวันที่มูลค่าการซื้อขายเบาบาง

.
ในช่วงปลายเดือนพ.ย. และย่างเข้าในเดือนธ.ค.ภาพรวมของมูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยจะเบาบางมากกว่าปกติ โดยมีหลายปัจจัยที่เข้ามากระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยในหลายประเทศทั่วโลก และการเช้าสู่ช่วงสิ้นปี รวมถึงปัจจัยที่เข้ามากระทบรายย่อยอย่างนโยบายเรียกเก็บภาษีการขายหุ้นของภาครัฐ
.
โดยในช่วงปลายเดือนพ.ย.65 พบว่ามีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยอยู่ที่ 36,767-45,982 ล้านบาทต่อวัน โดยถือว่าเป็นมูลค่าการซื้อขายต่ำที่สุดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันตั้งแต่ในช่วงปลายเดือนพ.ย.ที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 8 ธ.ค. พบว่ามูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยยังคงเงียบเหงาต่อเนื่องถึงแม้ว่าบางวันจะมีการกระเตื้องขึ้นมาระดับ 7 หมื่นล้านบาทก็ตาม
.
ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ได้ออกบทวิเคราะห์กลยุทธ์ในการคัดเลือกหุ้นเพื่อลงทุนในช่วงจังหวะที่ตลาดหุ้นไทยมีปริมาณการซื้อขายที่เบาบางมาแนะนำ โดยบทวิเคราะห์ระบุว่า ในเดือน ธ.ค. มูลค่าซื้อขายหุ้นไทยเฉลี่ยลดลงเหลือ 5.8 หมื่นล้านบาทต่อวัน (ต่ำที่สุดของปีและต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน 7.2 หมื่นล้านบาทต่อวัน
.
ส่วนหนึ่งเกิดจากเป็นช่วงฤดูกาลวันหยุดมีประเด็นเก็บภาษีหุ้น และรอผลการประชุม Fed เป็นต้น ส่งผลให้ภาพรวม SET Index ปรับตัวขึ้นได้ยาก อย่างไรก็ตามหากวิเคราะห์ลงไปในผลตอบแทนราย Sector ช่วง 1 – 8 ธ.ค. ยังพอที่จะเห็นและแบ่งกลุ่มหุ้นที่ Underperform และ Outperform ออกได้ดังนี้
.
สำหรับกลุ่มหุ้น Underperform ส่วนใหญ่เป็นหุ้นขึ้นมาสูงในช่วงก่อนหน้า อาทิ กลุ่ม TOURISM, HELTH รวมถึงกลุ่ม ENERG, PETRO ที่ถูกกดันจากราคาน้ำมันลง 10%mtd สัปดาห์นี้ลงทุกวัน (และหุ้น Tactical Short ประจำเดือน ธ.ค. ที่ฝ่ายวิจัยฯ แนะนำยังอยู่ในกลุ่มนี้ทั้ง 2 หุ้น คือ PTTEP และ BH
.
ส่วนกลุ่มหุ้น Outperform หุ้นที่ลงมาลึกในช่วงก่อนหน้า และมี Sentiment บวกหนุน อาทิ(กลุ่มผลประกอบการ 4Q22 เด่น ปีหน้าเด่นต่อ FIN, MEDIA, CONS), (กลุ่มได้แรงหนุนจากจีนเปิดประเทศ ETRON), หุ้น Defensive อาทิ PF&REIT, PROP เชื่อว่าหุ้นที่ Outperform ในช่วงนี้ยังมี Momentum ขยับขึ้นต่อ แนะนำสะสมหุ้นในกลุ่มดังกล่าว อย่าง MTC, STEC, CK, BEC และ AP