ห้องเม่าปีกเหล็ก

เปิดโผ 6 หุ้นรอรับเงินต่างชาติไหลเข้า

โดย บุปผาวดี
เผยแพร่ :
113 views

เปิดโผ 6 หุ้นรอรับเงินต่างชาติไหลเข้า หลังพบยอดถือครอง “NVDR” ยังต่ำ

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากกรณีที่ตลาดหุ้นไทยขณะนี้อยู่ในสภาวะของการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างชาติในระดับต่ำ และถือว่า Underperform เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นทั่วโลก อีกทั้งยัง Undervalue ซึ่งจะเห็นได้จากในช่วง 2ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นอื่นทั่วโลกปรับเพิ่มขึ้นรวมกันเฉลี่ย 20% แต่ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 5%


แต่ในขณะเดียวกันตลาดหุ้นไทยซื้อขายที่ P/E ระดับเพียง 17.6 เท่า ซึ่งถ้าเทียบกับตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศผู้พัฒนาแล้วที่ซื้อขายกันที่ P/E กว่า 24-25 เท่า ขณะเดียวกันกลยุทธ์การลงทุนที่เป็นธีมเด่นของทั่วโลกให้ความสนใจในธีมหุ้น Value Stock ซึ่งธีมหุ้นดังกล่าวอยู่ในหมวดธุรกิจพลังงานและธนาคารพาณิชย์ ซึ่งสอดคล้องกับตลาดหุ้นไทยที่มีกล่มอุตสาหกรรมดังกล่าวที่มีผลน้ำหนักต่อดัชนี


รวมถึงการที่เศรษฐกิจภายในประเทศของไทยเริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่คิดเป็นสัดส่วนกว่า 20% ของจีดีพี ดังนั้นจึงเชื่อว่ากระแสเม็ดเงินการลงทุนจากต่างชาติมีโอกาสที่จะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยได้อย่างต่อเนื่อง โดยหากกระแสเม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยนั้น กลุ่มหุ้นที่จะมีน้ำหนักและเป็นตัวที่มีผลต่อดัชนีได้นั้นคือกลุ่มที่ยังมีสัดส่วนการถือครองของนักลงทุนต่างชาติอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ระดับปัจจุบัน


จากการค้นข้อมูลในช่วง 1 ปีย้อนหลังกลุ่มหุ้นที่มีสัดส่วนการถือครองจากนักลงทุนต่างชาติถือครองอยู่ในระดับต่ำหากเทียบกับในช่วงที่ผ่านมาเบื้องต้น เช่นธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK,ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB,บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM,บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC และบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL


โดยยกตัวอย่างหุ้น SCB ย้อนหลังไปในช่วงเดียวของปีก่อนพบว่ามียอดการถือครอง NVDR ที่ระดับมูลค่า 370 ล้านบาท แต่ขณะที่ล่าสุดวันที่ 2 ก.พ.65 พบว่ามียอดการถือครองของ NVDR ที่มูลค่าเพียง 310 ล้านบาท เช่นเดียวกันกับทาง KBANK ที่ในช่วงวันที่ 2 ก.พ. 64 มียอดมูลค่าการถือครองของ NVDR อยู่ที่ 494 ล้านบาท แต่ในปัจจุบันอยู่ที่ 450 ล้านบาท ดังนั้นจึงเชื่อว่าถ้ามีกระแสเงินต่างชาติที่รอการไหลเข้าตลาดหุ้นนั้น จะเป็นการไหลเข้าในกลุ่มหุ้นที่ยังมีสัดส่วนการถือครองของ NVDR ในระดับต่ำ


นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองกรณีที่ KBANK เปิดเผยเป้าหมายทางการเงินปี 65 โดยตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อปี 65 เพิ่ม 6 - 8% หลังจากปี 64 KBANK สามารถปล่อยสินเชื่อได้อย่างโดดเด่นถึง 7.88% โดยในปี 64 สินเชื่อของ KBANK ที่เติบโตขึ้น


ส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อรายย่อย สินเชื่อบ้าน รวมไปถึงสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ส่วนปี 65 จะเน้นไปที่สินเชื่อรายย่อย รวมไปถึงการปล่อยสินเชื่อดิจิทัลร่วมกับพันธมิตรต่าง ๆ และสินเชื่อ SME โดยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยตั้งเป้าไว้ที่ 3.1 – 3.3% จากปี 64 ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.2%


ทั้งนี้มองว่า การเน้นปล่อยสินเชื่อรายย่อย และสินเชื่อ SME ทำให้คาดว่าผลตอบแทนสินเชื่อของ KBANK จะสูงกว่าที่ทางฝ่ายคาดไว้เดิม ทางฝ่ายได้ปรับประมาณการผลตอบแทนสินเชื่อของ KBANK ในปี 64 ขึ้นและทำให้ประมาณการกำไรเพิ่มขึ้น เป็น 42 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8% จากปีก่อน และคาดว่าจะมีการจ่ายปันผล 5.25 บาท/หุ้น


ส่วนปี 64 คาดว่า KBANK จะมีการจ่ายปันผล 4.75 บาท/หุ้น โดยมีการจ่ายระหว่างกาลแล้ว 0.50 บาท/หุ้น จากการปรับประมาณการกำไรปี 65 ขึ้น ส่งผลให้ราคาพื้นฐานปรับเพิ่มขึ้นด้วยเป็น 176 บาท จากเดิมที่ 170 บาท ยังคงมีส่วนต่างเหลือพอสมควรจึงยังคงแนะนำ “ซื้อ”


ขณะที่ธนาคารใหญ่อีกแห่งหนึ่งอย่าง SCB นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ยังคงประมาณการกำไรสุทธิในปี 65 อยู่ที่ 3.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน จากสำรองฯที่ลดลงเป็นหลัก ขณะที่คาดแนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส1/65 จะเพิ่มขึ้นได้ทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาส4/64 จากสำรองฯที่ลดลงได้และมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงตามฤดูกาล


ส่วนราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 150 บาท โดยเราคาดว่าจะยังมี upside เพิ่มจากธุรกิจใหม่ที่จะเริ่มให้บริการในปี 2022E ซึ่งเรายังไม่ได้รวมดีล Bitkub และธุรกิจใหม่ ๆ ในประมาณการขณะที่แนวโน้มของการตั้งสำรองฯที่เพียงพอแล้วและNPL ไม่น่ากลัวเท่าคู่แข่ง

 

 


บุปผาวดี