เปิดร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์ฯ ฉบับกฤษฎีกา ตีกรอบกาสิโน-ตั้งทีมประเมินการลงทุน
- ร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ผ่านการปรับปรุงโดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วอยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็นรอบใหม่ก่อนเสนอ ครม.
- กฎหมายกำหนดชัดขึ้นเรื่องของการจำกัดพื้นที่กาสิโนไม่เกิน 10% ของพื้นที่สถานบันเทิงครบวงจร และห้ามประกอบธุรกิจพนันออนไลน์ กำหนดพื้นที่ต้องผ่านการตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA/ EHIA) และออกพรฎ.ใช้ประโยชน์ที่ดิน
- การกำหนดส่วนร่วมของประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีสิทธิในที่ดินข้างเคียงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องการลงทุนต้องมีมาตรการป้องกัน แก้ไข และเยียวยาผลกระทบต่อชุมชน
- การบริหารจัดการและการกำกับดูแลมีการตั้งคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร และคณะกรรมการบริหาร เพื่อกำหนดนโยบาย ออกใบอนุญาต และควบคุมการดำเนินการ และตั้งคณะทำงานพิเศษประเมินโครงการและการลงทุน
การผลักดัน Man-made destination รัฐบาลมีแผนพัฒนาสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) ซึ่งร่าง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 ม.ค.2568ซึ่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา นำร่างกฎหมายไปตรวจแก้และปรับปรุงก่อนเสนอ ครม.ภายใน 50 วัน เพื่อส่งร่างกฎหมายให้รัฐสภาพิจารณา
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มั่นใจว่ารัฐบาลนำร่างกฎหมายเข้าสภาผู้แทนราษฎรทันสมัยการประชุมนี้ โดยกรอบการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา 50 วัน จะครบกำหนดวันที่ 6 มี.ค.2568ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาต้องนำร่างกฎหมายมาให้ ครม.พิจารณาภายในกลางเดือน มี.ค.นี้
ก่อนหน้านี้มีการตั้งคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษ โดยรัฐบาลส่งผู้แทนร่วมพิจารณา 2 คน คือ นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองและนายฉัตริน จันทร์หอมรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืง เพื่อเสนอแนวคิดของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา คณะกรรมการกฤษฎีกาปรับปรุงร่างกฎหมายแล้วเสร็จและเปิดรับฟังความเห็นถึงวันที่ 1 มี.ค.2568 และนำความคิดเห็นไปปรับปรุงร่างกฎหมายก่อนเสนอ ครม.
นอกจากนี้การปรับปรุงร่างกฎหมายล่าสุดมีประเด็นสำคัญ คือ กฎหมายบัญญัติ79 มาตรา โดยกำหนดเงื่อนไขอำนาจหน้าที่คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรให้ “กำหนดสัดส่วนพื้นที่ของกาสิโนในสถานบันเทิงครบวงจร ทั้งนี้ ต้องไม่เกิน 10% ของที่ดิน ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานบันเทิงครบวงจรกรณีกาสิโนตั้งในอาคารใดให้นับสัดส่วนจากพื้นที่อาคารนั้นทั้งหมด" โดยกำหนดในมาตรา 18 (6)
นอกจากนี้ร่าง พ.ร.บ.กำหนดให้ควบคุมการขยายพื้นที่การให้บริการกาสิโนในพื้นที่ที่จะลงทุนเพิ่มเติมในกิจการอีก 4 ประเภทที่ลงทุนห้าม และให้มีการทำธุรกิจกาสิโนในพื้นที่ใหม่ที่จะลงทุนด้วย
นอกจากนี้ร่างกฎหมายเปิดกว้างถึงกรณีที่การลงทุนสถานบันเทิงครบวงจร อาจไม่มีกาสิโนก็ได้ โดยมาตรา 6 วรรคแรก บัญญัติว่า “การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร จะกระทำได้เฉพาะที่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัตินี้”
ที่ตั้งให้ออกเป็นพระราชกฤษฎีกา
สำหรับการกำหนดพื้นที่ตั้งสถานบันเทิงครบวงจรให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกาโดยสอดคล้องการให้อำนาจในการบริหารพื้นที่กับคณะกรรมการสถานบันเทิงครบวงจร โดยพระราชกฤษฎีกาต้องกำหนดรายละเอียด ดังนี้
1.แนวเขตที่ดินที่จะอนุญาตให้ตั้งสถานบันเทิงครบวงจรโดยชัดเจน
2.แผนที่หรือแผนผังบริเวณพื้นที่ที่จะอนุญาตให้ตั้งสถานบันเทิงครบวงจร
สำหรับการกำหนดพื้นที่ลงทุนให้คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจมาศึกษาความเหมาะสมของพื้นที่และทางการเงิน ตลอดจนผลกระทบหรือมาตรการป้องกัน แก้ไข หรือเยียวยา และความคุ้มค่าที่ประชาชนในพื้นที่และรัฐได้รับ
รับฟังความเห็นที่ดินข้างเคียง
โดยต้องรับฟังความคิดเห็นผู้มีส่วนได้เสียผู้มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินข้างเคียง และหน่วยงานของรัฐที่ใช้ประโยชน์หรือดูแลที่ดินข้างเคียงหรือทางเข้าออกของที่ดินที่อาจได้รับผลกระทบจากการอนุญาตให้มีการตั้งสถานประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรและนำผลการรับฟังความคิดเห็นเสนอคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรนำไปประกอบการพิจารณา
ส่วนการดำเนินการเพื่อจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจรภายในบริเวณพื้นที่ที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา ต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม สุขภาพของประชาชนหรือชุมชนตามที่มีกฎหมายกำหนด
รวมทั้งให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการเป็นการเฉพาะเพื่อพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยดำเนินการให้เสร็จภายใน 120 วันนับแต่วันที่ได้รับรายงานถูกต้องและมีข้อมูลครบ
ขณะที่การดำเนินการเพื่อจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจรภายในบริเวณพื้นที่ที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาซึ่งเป็นที่ดินของรัฐต้องดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
นอกจากนี้ มาตรา 12 บัญญัติว่า “ในการดำเนินการเพื่อจัดตั้งและประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรหากคณะกรรมการนโยบายเห็นว่ากฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือคำสั่งใดก่อให้เกิดความไม่สะดวกหรือล่าช้า มีความซ้ำซ้อนหรือเป็นการเพิ่มภาระการดำเนินการโดยไม่จำเป็น หรือมีปัญหาหรืออุปสรรคอื่นใดให้คณะกรรมการนโยบายเสนอ ครม.พิจารณาให้ปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบข้อบังคับ ประกาศ หรือคำสั่งดังกล่าว หรือมีกฎหมายขึ้นใหม่ เพื่อให้การดำเนินการจัดตั้งและประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรมีประสิทธิภาพ สะดวก และรวดเร็ว”
ตั้งคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิง
สำหรับการบริหารกำหนดให้มี “คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร” มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นรองประธาน พร้อมคณะกรรมการอีก 15 คน ซึ่งจะกำหนดนโยบายการบริหารจัดการ การออกใบอนุญาต การกำหนดพื้นที่ สัดส่วนการจัดตั้งกาสิโน หลักเกณฑ์การขออนุญาต และการควบคุมด้านความปลอดภัย รวมถึงการออกระเบียบและคำสั่ง
รวมทั้งกำหนดให้มี“คณะกรรมการบริหาร”โดยมีบุคคลที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นประธาน ร่วมด้วยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนหน่วยงานรวม 15 คนเพื่อกำหนดอนุมัติแผนยุทธศาสตร์ แผนงบประมาณ การจัดเก็บค่าธรรมเนียม และการพิจารณาข้อร้องเรียน
ส่วนสำนักงานที่จัดตั้งขึ้นจะตั้งพนักงานเจ้าหน้าตรวจสอบสถานที่และเอกสาร ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ตลอดจนสั่งหยุดการเล่นหรือพนันที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย และรายงานต่อเลขาธิการ
ใบอนุญาตห้ามมีพนันออนไลน์
ขณะที่การอนุญาตต้องตั้งในพื้นที่กำหนดและประกอบธุรกิจอย่างน้อย 4 ประเภท รวมถึงกาสิโน โดยต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ใบอนุญาตมีอายุ 30 ปี และประเมินผลการดำเนินงานทุก 5 ปี ทั้งนี้ หากไม่ปฏิบัติตามแผนอาจเพิกถอนใบอนุญาต
ทั้งนี้การควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรต้องเป็นไปตามกฎหมายและข้อกำหนด ห้ามมีพนันออนไลน์หรือโฆษณาเกี่ยวกับกาสิโน และกำหนดข้อห้ามสำหรับบุคคลที่อายุต่ำกว่า 20 ปี หรือผู้ไม่ได้ลงทะเบียนตามที่กำหนด
ส่วนกรณีผู้รับใบอนุญาตไม่ปฏิบัติตามกฎหมายต้องแก้ไขในเวลาที่กำหนด หากฝ่าฝืนต้องชำระค่าปรับและอาจถูกเพิกถอนใบอนุญาตโดยรัฐบาลมุ่งให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างเป็นระบบ สร้างความโปร่งใสและป้องกันผลกระทบเชิงลบต่อสังคม
เนื้อหาข้อมูลข่าวจาก.. https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1166956