กรณีศึกษา ตัน อิชิตัน เคยเป็นหนี้ 100 ล้าน - BillionMoney

หากพูดถึง แบรนด์ชาเขียวยอดนิยมในเมืองไทย
หลาย ๆ คนคงนึกถึงแบรนด์โออิชิ และอิชิตัน
ซึ่งทั้งสองแบรนด์นี้ มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือ
ผู้ก่อตั้ง ที่ชื่อว่า คุณตัน ภาสกรนที
รู้หรือไม่ว่าก่อนหน้าที่คุณตัน จะเข้ามาทำธุรกิจชาเขียว
เขาเคยเจ๊งจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาก่อนและเป็นหนี้
กว่า 100 ล้านบาท
เพราะการลอยตัวของค่าเงินบาท และการชะลอโครงการของห้างเซ็นทรัล ชลบุรี ในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ปี 2540
ช่วงนั้น มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
แล้วคุณตันผ่านวิกฤติหนี้ มาได้อย่างไร ?
BillionMoney จะมาสรุปให้ ในแบบเข้าใจง่าย ๆ
ต้องเล่าให้ฟังว่า เดิมทีในช่วงปี 2530 ก่อนที่คุณตันจะเริ่มทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คุณตันมีธุรกิจในจังหวัดชลบุรี เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
แต่เนื่องจากช่วงนั้น เป็นยุครุ่งเรืองของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คุณตันจึงไม่พลาดที่จะกระโดดเข้ามาในธุรกิจนี้ด้วย
ในช่วงแรก ก็แค่ซื้อมาขายไป กำไรไม่มาก แต่ในภายหลังก็เริ่มหันมาทำการเก็งกำไรมากขึ้น
จากซื้อมาขายไป กลายมาเป็นซื้อเยอะ ลงทุนเยอะขึ้น เพื่อให้ได้กำไรมากขึ้น จนในที่สุด คุณตันก็มาเป็นเจ้าของโครงการเองเสียเลย
ซึ่งปัญหามาเกิดตรงนี้ เพราะช่วงนั้นธนาคาร เริ่มเข้มงวดในการปล่อยกู้ ให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น ทำให้ไม่สามารถกู้เงินได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
เงินลงทุนที่ต้องใช้กับโครงการใหม่ จำนวน 100 ล้านบาท
จึงมาจากการกู้นอกระบบถึง 40 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก
60 ล้านบาท เป็นการกู้กับทางธนาคาร
แต่เพราะมีข่าวว่า เครือเซ็นทรัล ได้ซื้อที่ดินข้าง ๆ โครงการ เพื่อที่จะมาเปิดห้างเซ็นทรัล ชลบุรี
และถ้าโครงการอสังหาริมทรัพย์นี้สำเร็จ จะสามารถทำเงินได้ถึง
200 ล้านบาท คิดเป็นกำไรกว่า 100 ล้านบาทเลยทีเดียว
แม้ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้น แต่เพราะเห็นโอกาส
ที่รออยู่ข้างหน้าแล้ว คุณตันจึงไม่กังวลกับหนี้นอกระบบ
มากนัก
ซึ่งก็เป็นไปตามคาด ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี โครงการใหม่นี้ ก็ถูกจองเต็ม 100% มียอดโอนบ้านแล้วประมาณ 15% ขณะที่อีก 85% ที่เหลือกำลังจะโอนในอีกไม่เกิน 6 เดือน
ช่วงเวลานั้นอะไร ๆ ก็ดูดีไปหมด กำไรกว่า 100 ล้านบาท
รออยู่ข้างหน้า
แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
เมื่อรัฐบาล ประกาศลอยตัวค่าเงินบาท
รวมทั้งทางเซ็นทรัลก็ตัดสินใจชะลอโครงการห้างที่ชลบุรี
ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ พากันล้มละลาย ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่เคย
รุ่งเรืองกลับซบเซา ผู้คนต่างชะลอการใช้เงินออกไป
คนที่จองบ้านก็กลัวว่า ห้างเซ็นทรัลจะไม่กลับมาแล้ว
ทำให้การโอนบ้านอีก 85% ที่เหลือ ถูกหยุดชะงัก
จากเดิมที่คิดว่าจะได้กำไร 100 ล้านบาท กลับกลายเป็น
มีหนี้ที่ต้องแบกรับกว่า 100 ล้านบาทแทน
และแม้มีรายได้จากธุรกิจเดิม เดือนละ 1 ล้านบาท
แต่ค่าใช้จ่ายเรื่องหนี้ เดือนละ 1.35 ล้านบาท
ทำให้คุณตันต้องเข้าเนื้อ เดือนละ 3.5 แสนบาททุกเดือน
ถึงอย่างนั้นคุณตันก็ไม่ยอมแพ้ และหวังว่าอีกไม่นาน
เศรษฐกิจคงจะดีขึ้น และเซ็นทรัลจะกลับมาสานต่อ
แต่ยิ่งผ่านไปนานเท่าไร ความหวังก็ยิ่งริบหรี่เท่านั้น
จนคุณตัน เริ่มตระหนักได้ว่า ถ้ารอให้ทุกอย่างดีขึ้น รอให้เศรษฐกิจกลับมา รอให้เซ็นทรัลกลับมาสานต่อ ถึงตอนนั้นคงไม่รอดแน่
คุณตันจึงตัดสินใจใช้ กลยุทธ์ตัดแขน ตัดขา เพื่อรักษาชีวิต
โดยการขายทรัพย์สินใดก็ตาม ที่ไม่ทำเงินออกไป
เพื่อให้สามารถอยู่รอด และฝ่าวิกฤติไปได้ เริ่มจาก
- ขายทรัพย์สินส่วนตัวบางส่วน เพื่อนำเงินไปใช้หนี้
- คุยกับเจ้าหนี้นอกระบบ ชี้แจงถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
- ขอจ่ายเจ้าหนี้บางส่วน เป็นบ้านในโครงการ โดยตีราคาเพียงแค่ 1.5 ล้านบาท จากราคาขาย 4 ล้านบาท
- เจรจากับแบงก์ เพื่อขอประนอมหนี้ โดยต้องชำระ
ภายในระยะเวลาที่กำหนด
แม้จะต้องเสียบ้านในโครงการไปบางส่วน และขายทรัพย์สิน
ส่วนตัวออกไปบ้าง แต่ตอนนี้ยอดหนี้ที่ต้องจ่ายต่อเดือน
เหลือเพียง 7.5 แสนบาท ทำให้เริ่มหายใจหายคอได้
และพอเริ่มมีกำลังใจ ก็เหมือนได้เห็นแสงสว่าง
ที่ปลายอุโมงค์ มีเวลาโฟกัสกับธุรกิจเดิมมากขึ้น และมีเงินมาขยายธุรกิจใหม่
ทำให้มีรายรับมากขึ้น ขณะที่รายจ่ายก็ยิ่งลดลง
ในเวลาเพียงไม่นาน คุณตันก็สามารถฝ่าวิกฤติหนี้ 100 ล้านบาท
มาได้ในที่สุด
บทเรียนของเรื่องนี้ คงเป็นการที่เราต้องมองให้ออก
ว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่มันคือ การที่เราไม่ยอมแพ้
หรือเป็นการดันทุรัง
หากว่าสิ่งที่เราทำ มันมีความหวัง หรือมีโอกาสสำเร็จ
สิ่งนั้นคงเป็นการที่เราไม่ยอมแพ้
กลับกัน หากมันแทบไม่มีโอกาสสำเร็จอยู่เลย แต่เราเลือกที่จะทำมันต่อไป สิ่งนี้คงเรียกว่า เป็นการดันทุรังเสียมากกว่า
ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าคุณตันเลือกที่จะรอให้ทุก ๆ อย่างดีขึ้น รอให้เซ็นทรัลกลับมา และเลือกดันทุรังที่จะยื้อโครงการนี้ต่อไป
ในตอนจบของเรื่อง อาจไม่สวยงามเช่นนี้ก็เป็นได้..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
โครงการ ห้างเซ็นทรัล ชลบุรี กลับมาสานต่อและเริ่ม
ดำเนินการในปี 2552 เป็นระยะเวลากว่า 10 ปีให้หลัง
จากช่วงวิกฤติหนี้ ที่คุณตันเผชิญอยู่ขณะนั้น..