ห้องเม่าปีกเหล็ก

เปิดรายชื่อ 24 หุ้นเด่น ได้ประโยชน์ เมื่อเงินเฟ้อไทยเดือนก.พ.ต่ำคาด!

โดย dave
เผยแพร่ :
152 views

เปิดรายชื่อ 24 หุ้นเด่น ได้ประโยชน์

เมื่อเงินเฟ้อไทยเดือนก.พ.ต่ำคาด!

 

.

อัตราเงินเฟ้อยังคงเป็นตัวเลขสำคัญที่ตลาดจับตามอง เพราะหากอัตราเงินเฟ้อของไทยยังปรับตัวเพิ่มขึ้น คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) น่าจะยังต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อตลาดหุ้นไทย ดังนั้นหากอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงก็จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นทั้งในด้านของ P/E ที่น่าจะทรงตัวอยู่ระดับเหมาะสม รวมถึงทำให้การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น และต้นทุนทางการเงินของบริษัทต่างๆ ลดลง ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ฯ และไฟแนนซ์ เป็นต้น

.

ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ. 66 อยู่ที่ระดับ 3.79% ปรับตัวลดลงจากเดือนม.ค. 66 ที่ระดับ 5.02% โดยนักวิเคราะห์จากบล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า อัตตราเงินเฟ้อในเดือนก.พ. ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด และลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนทิศทางเงินเฟ้อระยะถัดไปคาดว่าจะปรับตัวเชิงบวกต่อเนื่อง

.

จากสถานการณ์ราคาสินค้าช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมี.ค. 66 เทียบกับเดือน ก.พ. 66 ที่ผ่านมา พบว่า ราคาหมู ไก่ และไข่ไก่ เฉลี่ยทั่วประเทศ ปรับตัวลดลง 2-9% เป็นบวกต่อแนวโน้มทิศทางเงินเฟ้อในประเทศ และวันที่ 8 มี.ค.นี้ จะมีการพิจารณาสรุปตัวเลขค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวดเดือน พ.ค.- ส.ค. 66 ก่อนเปิดรับฟังความเห็น ซึ่งมีแนวโน้มจะปรับตัวลดลง

.

โดยประเมินแรงกดดันจากการปรับเพิ่มดอกเบี้ยนโยบายของกนง. จะเป็นปลายทางแล้ว นับเป็นภาพบวกต่อ SET ช่วยลดแรงกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) ที่จะปรับเพิ่มขึ้น ให้ชะลอตัวลง ทำให้ส่วนต่างกับ Earnings Yield นิ่งขึ้น

.

ดังนั้นจากทิศทางเงินเฟ้อที่ดีขึ้น คาดหนุนการบริโภคในประเทศ ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินจะเป็นผลบวกต่อหุ้นอิงการบริโภค เช่น กลุ่มค้าปลีก, เครื่องดื่ม และสื่อสาร ได้แก่ CPALL, MAKRO, BJC, DOHOME, ADVANC, TRUE, SAPPE, ICHI

.

ด้านนักวิเคราะห์จากบล.เอเซีย พลัส ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงนับเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องจากกนง. มีโอกาสชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลให้ P/E ตลาดที่เหมาะสมยังคงไว้ที่ 17.54 เท่า เมื่อคูญกับ EPS ปี 66 ที่ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินไว้ 91.8 บาทต่อหุ้น จะได้จุดเข้าสะสมหุ้นใน SET ที่บริเวณ 1,610 จุด ส่วนชุดหุ้นเด่นธีมเงินเฟ้อไทยชะลอลงคาดว่าจะมีกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์ ดังนี้

.

หุ้นกลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, CRC, COM7, SPVI, HMPRO หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม เช่น AOT, MINT, CENTEL, ERW หุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ฯ เช่น CPN, SPALI, LH, BRI หุ้นกลุ่มเช่าซื้อ เช่น MTC, TIDLOR, SAWAD หุ้นกลุ่มส่งออก เช่น TU, SAT, AH, SAPPE และหุ้นธนาคารพาณิชย์ เช่น KTB, SCB, BBL, KBANK

.

ด้านแนวโน้มผลประกอบการของหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลบวกจากอัตราเงินเฟ้อ Wealthy Thai ขอยกตัวอย่างหุ้นเด่นแต่ละกลุ่ม เริ่มต้นที่ CPALL บมจ.เมย์แบงก์ ประเทศไทย ระบุว่า คาดกำไรจะเร่งตัวดีขึ้นในปี 66 ตามแนวโน้มยอดขายเชิงบวกจากการท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) จากต้นปีของร้านเซเว่นฯ เป็นบวกเกิน 10% อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าเพิ่มขึ้นตามยอดขายที่เติบโตและการเพิ่มสัดส่วนกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทย่อยคือแม็คโครและโลตัสคาดว่าจะเติบโตดีขึ้นตามการฟื้นตัวของการบริโภคเช่นกัน จึงแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 79 บาท

.

ถัดมา AOT บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ผู้โดยสารระหว่างประเทศในเดือนก.พ. 66 เบื้องต้นลดลงจากเดือนม.ค. 66 ตามจํานวนวันที่ต่ำกว่า หากพิจารณาค่าเฉลี่ยผู้โดยสารระหว่างประเทศในช่วง 2 เดือนแรกของปี 66 รายวันอยู่ที่ 1.52 แสนคนต่อวัน เร่งตัว 28% จากค่าเฉลี่ยผู้โดยสารระหว่างประเทศรายวันช่วงไตรมาส 1/66 ที่ 1.19 แสนคนต่อวัน จึงคงมุมมองกําไรปกติในไตรมาส 2/66 เติบโตจากไตรมาสก่อนหน้า และทั้งปีจะ Turn Around เป็นกําไร ตามการ Recovery ของภาคท่องเที่ยว รวมทั้งส่วนลดให้กับคู่ค้าที่ทยอยกลับสู่ระดับปกติ เช่น ส่วนลดให้กับสายการบินที่จะหมดลงตั้งแต่ เม.ย. 66 ให้คำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 80 บาท

.

CPN บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า คงประมาณการกาไรปกติปี 66 ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท เติบโต 11% จากปีก่อน โดยคาดธุรกิจของ CPN จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ การกลับมาใช้ชีวิตประจำวันทำได้เป็นปกติ การกลับมาของนักท่องเที่ยว รวมถึงการจัดการเลือกตั้ง จะทำให้มีการจัดกิจกรรมต่างๆ ซึ่งมีผลต่อการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยบริษัทมีแผนการนำสินทรัพย์เข้ากองทุน 2-4 แห่ง ในช่วงครึ่งหลีงของปีนี้ ซึ่งยังไม่รวมในประมาณการ คงคำแนะนำ เก็งกำไร ราคาเหมาะสม 78 บาท

.

SAWAD บล.ดาโอ (ประเทสไทย) ระบุว่า คงประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ที่ 5.2 พันล้านบาท โต 17% จากปีก่อน จากสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น 24% ขณะที่ NIM ลดลงเล็กน้อย จาก loan yield สินเชื่อเช่าซื้อที่ลดลง และต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นตามอุตสาหกรรม รวมทั้งกลับมารับรู้ค่าใช้จ่ายสำรองเป็นปกติ ราคาหุ้น outperform SET ราว 21% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา จากผลการดำเนินงานที่จะดีขึ้น ทั้งสินเชื่อหลักที่จะกลับมาขยายตัว, NPL ที่ยังไม่เร่งตัวเหมือนอุตสาหกรรม ดังนั้นฝ่ายวิเคราะห์จึงคงแนะนำ “ซื้อ” จากสินเชื่อที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง และสามารถควบคุม NPL ให้ทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยได้ รวมทั้งผลการดำเนินงานไตรมาส 1/66 ที่จะขยายตัวดีต่อเนื่อง โดยให้ราคาเป้าหมาย 65 บาท

.

SAPPE บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า คาดแนวโน้มกําไรในปี 66 จะเติบโตขึ้นจากปีก่อนได้ในทุกๆไตรมาส จากการเติบโตของยอดขายทั้งตลาดในประเทศ และตลาดต่างประเทศ โดยบริษัทมีแผนจะผลักดันการเติบโตของยอดขายทั้งในประเทศ และต่างประเทศ จากการออกสินค้าตัวใหม่ และการขยายช่องทางการจัดจําหน่ายเพิ่มขึ้น ทั้งที่เป็นช่องทางโมเดิร์นเทรดและช่องทางออนไลน์

.

รวมทั้งขยายกําลังการผลิตเพิ่มเพื่อรองรับการขายต่างประเทศที่เป็นตลาดหลัก ขณะที่ต้นทุนโดยเฉพาะในส่วนของบรรจุภัณฑ์ซึ่งมีสัดส่วน 45% ของต้นทุนรวมมีแนวโน้มจะลดลง หลังราคาเม็ดพลาสติกที่เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตขวดเริ่มมีแนวโน้มชะลอลงมาอยู่ในระดับต่ำ ตามราคาน้ำมันที่ลดลง คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 60 บาท

.

สุดท้าย SCB บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ปี 66 มอง SCB จะมีพัฒนาการเชิงบวกมากขึ้น หลังเห็นความคืบหน้าของการรุกธุรกิจในกลุ่ม Consumer Finance และกลุ่มเทคโนโลยีมากขึ้น ซึ่งคาดจะมีอัตราโตโดดเด่นในปีนี้ หลังที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติให้ SCB สามารถออกตราสารหนี้มูลค่ารวม 100,000 ลบ. ภายใน 5 ปี เพื่อขยายธุรกิจใหม่ๆ ฝ่ายวิเคราะห์คงมุมมอง SCB เป็นธนาคารใหญ่ที่มีพัฒนาการน่าสนใจ จากการรุกธุรกิจใหม่ที่จะช่วยหนุนให้ NIM ในระยะยาวสามารถขยายตัวได้ดีกว่าธนาคารอื่น คาดจะมีกำไรสุทธิในปี 66 ที่ 47,528 ลบ. โต 26.6% จากปีก่อน คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 144 บาท

 

 


dave