ห้องเม่าปีกเหล็ก

ในวันที่หุ้นโลจิสติกส์ขาขึ้นไม่หยุด

โดย หญิงแม้น
เผยแพร่ :
61 views

คุยแบบเอ็กซ์คลูซีฟ LEO-SONIC ในวันที่หุ้นโลจิสติกส์ขาขึ้นไม่หยุด

แม้ในประเทศไทยปัญหา COVID-19 ยังมียอดผู้ติดเชื้ออยู่ในระดับสูง แต่หุ้นโลจิสติกส์ยังมีความร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก ทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ที่เป็นปัจจัยทำให้การขนส่งสินค้ามีความคึกคักไม่หยุด ล่าสุดนักลงทุนรายใหญ่อย่าง น.พ.พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี ที่ได้เข้าไปซื้อบิ๊กล็อตหุ้น WICE ในช่วงที่ผ่านมา ยิ่งตอกย้ำความน่าสนใจหุ้นโลจิสติกส์ ดังนั้นเทรนด์ของหุ้นโลจิสติกส์นับจากนี้จะเป็นอย่างไร ทีมข่าว Wealthy Thai จะพามาหาคำตอบร่วมกันกับผู้บริหาร LEO และ SONIC หุ้นโลจิสติกส์ที่ร้อนแรงไม่หยุด


จากประเด็นหุ้นโลจิสติกส์ที่ยังฮอตอย่างต่อเนื่อง Wealthy Thai ได้มีโอกาสสัมภาษณ์คุณเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO ซึ่งบอกกับเราว่า จากสถานการณ์อัตราค่าระวางเรือยังอยู่ในระดับสูง โดยผู้ประกอบการที่อยู่ในธุรกิจให้บริการขนส่งทางทะเล อย่าง LEO ก็จะได้รับอานิสงส์ไปด้วย


โดยก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์ว่าประเด็นดังกล่าวจะคลี่คลายลงในช่วงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่อัตรา ค่าระวางเรือในเดือนมิ.ย.ยังยืนในระดับสูงขึ้นอีก ซึ่ง Shanghai Container Index ในเดือนมิ.ย.ยังปรับขึ้นไปสู่จุดสูงสุดใหม่อีกด้วยนับตั้งแต่ต้นปี และก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ต่างประเทศได้ออกมาประเมินว่าสถานการณ์นี้จะไม่คลี่คลาย เพราะความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกอยู่ในเกณฑ์ที่สูงขึ้น เนื่องจาก สถานการณ์ของ COVID-19 ในยุโรป และอเมริกา คลี่คลายทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้เงินมากขึ้น


ขณะที่จากการวิเคราะห์เศรษฐกิจในอเมริกา ประชาชนไม่ได้ใช้เงินในเรื่องของเซอร์วิส ไม่ได้เดินทางท่องเที่ยว จึงทำให้มีการนำเงินมาจับจ่ายใช้สอย เพราะฉะนั้นจึงทำให้การบริโภคทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันในทุกๆปีช่วงเดือน ก.ค.-ต.ค. จะเป็นช่วงของการขนส่งสินค้าไปยังต่างประเทศ เพื่อจำหน่ายในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ปีใหม่


แต่การเปลี่ยนแปลงในช่วง 7-8 ปีหลัง ที่นอกเหนือจากช่วงเทศกาลดังกล่าว ยังมีอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มเข้ามา ซึ่งจะมีการจัดช่วงโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการขายสินค้าที่จำนวนมาก รวมทั้งมีมูลค่าสูง และมีการเติบโตทุกปีทั้ง  Amazon และ Alibaba มียอดขายสูงสุดตลอด และในปีนี้ก็คาดว่าจะเป็นเช่นนั้น เนื่องจากอัตราการใช้เงินของผู้บริโภคยังยืนในระดับสูง


โดยจะเห็นได้ว่าการส่งออก ทั้งตู้คอนเทนเนอร์มีจำนวนเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ค่าเฟรทก็ยังอยู่ในระดับสูง แต่ก็ยังมีความต้องการที่จะขนส่งสินค้า ดังนั้นจึงทำให้เชื่อมั่นว่าผลประกอบการของธุรกิจโลจิสติกส์ และผู้ให้บริการโลจิสติกส์จะกลับมาดีขึ้น ซึ่งมองว่าเทรนด์ยังอยู่ในทิศทางที่ดีอย่างน้อยที่สุดถึงปี 65 ทั้งปี



สำหรับจุดเด่นของ
LEO มีอะไรบ้าง

คุณเกตติวิทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้ารายใหม่เข้ามาใช้บริการจำนวนมาก  รวมทั้งมีการบอกต่อกันไม่ว่าจะเป็น จากลูกค้า หรือสายการเดินเรือ เป็นต้น โดยบริษัทมีพันธมิตรกับสายการเดินเรือหลายสาย และด้วยวอลุ่มที่บริษัทมีนั้น ในปีก่อนมีการส่งออกนำเข้ามากกว่า 6 หมื่นตู้ ทำให้สายการเดินเรือมีความยินดีที่จะให้บริการบริษัท เนื่องจากมีวอลุ่มที่จะสนับสนุนในเกณฑ์ที่สูง และบริษัทมีความสัมพันธ์อย่างยาวนานกับสายเดินเรือในหลายๆสายจึงได้รับอานิสงส์ในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับบริษัทมีการทำงานร่วมกับลูกค้า และสายการเดินเรือล่วงหน้า รวมทั้งวางแผนระยะยาว ทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวก


ขณะที่สาเหตุที่ลูกค้าเลือกใช้บริการบริษัท เนื่องจาก มีพนักงานที่มีคุณภาพ มีความสามารถ และมีการติดตามงานอย่างใกล้ชิด รวมทั้งมีภาพลักษณ์องค์กรมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งลูกค้าที่เลือกใช้บริการบริษัท ไม่ได้มาจากปัจจัยราคาเพียงอย่างเดียว แต่ดูที่ความน่าเชื่อถือ รวมทั้งคุณภาพของบุคลากร และบริษัทที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ ถือเป็นจุดแข็งของบริษัทที่ไม่ได้ไปเน้นเรื่องการตัดราคา แต่เน้นที่การให้บริการ


“ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาเราเรียนรู้สิ่งต่างๆมาเยอะ เราผ่านช่วงวิกฤติมาจำนวนมาก แต่ในทุกวิกฤติที่ผ่านมา เราเรียนรู้และสร้างวัคซีนป้องกันเราเองตลอดเวลา อย่างช่วงโควิดปีก่อนเราไม่ได้รับผลกระทบเลย มียอดขายและกำไรที่เติบโต เนื่องจากมีฐานลูกค้าที่หลากหลาย มีบริการที่ครอบคลุมทั่วโลก และให้บริการบบครบวงจรทำให้สามารถบริหารความเสี่ยงในเรื่องของรายได้ เป็นอย่างดี”คุณเกตติวิทย์ กล่าว


สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/64 คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเติบโตดีกว่าไตรมาสแรก เป็นผลมาจาก ความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้น เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว และตลาดหลักที่สำคัญอย่างอเมริกา ยังมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจาก ความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้น


ขณะที่แนวโน้มโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยไตรมาส 3/64 คาดว่าจะดีกว่าไตรมาส 2 อีกด้วย เนื่องจาก ไตรมาส 3/64 ปกติแล้ว จะเป็นช่วงของการขนส่งสินค้า เพื่อจำหน่ายในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ปีใหม่ แต่ปัจจุบันยังมีเรื่องของอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มทั่วโลกเข้ามาโปรโมทย์ในช่วงดังกล่าว ทำให้การสต๊อกสินค้าทั่วโลกจะมีอยู่จำนวนมาก


ขณะที่เป้ารายได้รวมในปีนี้ คาดว่าจะปรับใหม่หลังจากประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/64 จากเดิมปีนี้คาดโต 20-25% แต่เมื่อมี China Post เข้ามา เบื้องต้นคาดว่าจะมีรายได้โต 40-45% จากปีก่อน หรือ อาจจะมากกว่า


นอกจากนี้ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาการควบรวมกิจการ (M&A) 2-3 ดีล คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้ 1 ดีลในธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ ซึ่งเป็นบริษัทในประเทศไทย ขณะเดียวกันบริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาธุรกิจใหม่ๆ เพื่อมาต่อยอดธุรกิจเดิม โดยไม่จำเป็นต้องเป็นธุรกิจโลจิสติกส์ แต่มีแนวโน้มการเติบโตสูง มีโอกาสทำให้มาร์จิ้นของบริษัทสูงขึ้น โดยการลงทุนบริษัทวางเป้า IRR ไม่น้อยกว่า 14%


ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุว่า จากข้อมูล Shanghai Container Index ยังคงทำจุดสูงสุดต่อเนื่อง โดยล่าสุดเมื่อต้นเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมาทำจุดสูงสุดที่ 3,600 จุด หรือ เติบโต 17%จากเดือนก่อน ซึ่งเราประเมินว่าแนวโน้มจะยังคงสูงต่อเนื่องไปจนถึงครึ่งปีหลัง 2564 ได้ จากสัญญาณการฟื้นตัวในหลายประเทศที่เริ่มที่มีการเข้าถึงวัคซีนอย่างทั่วถึง ซึ่งจะส่งผลต่อปริมาณการบริโภคสินค้าที่มากขึ้น และกิจกรรมการค้าระหว่างประเทศก็จะมาขึ้นตามเช่นกัน


โดยประเมินว่า LEO จะได้รับประโยชน์จาก Container Index ที่ปรับสูงขึ้น ปริมาณลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการขนส่งทางเรือจะมีมากขึ้นตามการค้าระหว่างประเทศที่เริ่มกลับมาดีขึ้น นอกจากนี้กำไรขั้นต้นต่อตันที่บริษัทได้รับก็จะปรับขึ้นตาม Container Index ที่สูงขึ้นเช่นกัน


ดังนี้นเบื้องต้นยังคงประมาณการกำไรปี 64 ขึ้นมาเป็น 118 ล้านบาท เติบโต 107% จากปีก่อน และมีแนวโน้มที่เราจะปรับประมาณการเพิ่มขึ้นด้วยทิศทางของ Container Index ที่ยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังไม่นับรวมรวม upside จากการร่วมธุรกิจกับ China Post ที่จะเริ่มเข้ามาใน


ทั้งนี้ยังคงแนะนำ ซื้อ และราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 11.00 บาท และราคาดังกล่าวยังไม่ได้รวม upside จากการร่วมธุรกิจกับ China Post ที่ประมาณ 3 บาทต่อหุ้น ถึงแม้ว่าราคาหุ้นปัจจุบันจะยังเหลือ Upside ไม่มากแต่มีโอกาสที่เราจะปรับประมาณการกำไรปีนี้ขึ้นจาก Container Index ที่ยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง



SONIC การล็อกดาวน์ ไม่กระทบ

นอกจากนี้ทีมข่าว Wealthy Thai ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ คุณสันติสุข โฆษิอาภานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SONIC ซึ่ง บอกกับเราว่า ไตรมาส 2/64 คาดว่าจะประกาศงบราววันที่ 12 ส.ค. 64 ซึ่งทิศทางผลประกอบการยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสแรก เป็นผลมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจต่างประเทศที่มีแนวโน้มสดใสทำให้ธุรกิจโลจิสติกส์ยังดีอย่างต่อเนื่อง


ขณะที่ภาพรวมครึ่งปีหลัง 2564 ยังอยู่ในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากสถานการณ์เศรษฐกิจต่างประเทศที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ประเด็นการล็อกดาวน์ในประเทศไทยไม่มีผลต่อ SONIC แต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทดำเนินการขนส่งสินค้าจึงไม่ได้รับผลกระทบ ขณะที่ประเด็นการแข่งขัน มองว่ายังอยู่ในระดับปกติ โดยภาพรวมธุรกิจที่ดี เชื่อว่าทุกคนน่าจะมีความสุขกับสิ่งที่ทำ (enjoy)


โดยจุดเด่นของ SONIC อยู่ในธุรกิจมาอย่างยาวนานกว่า 10 ปี ฐานลูกค้าจึงรู้จักบริษัทเป็นอย่างดี โดยประเมินว่าเทรนด์ของธุรกิจโลจิสติกส์ยังขาขึ้นไปอีก 2 ปี เนื่องจาก ความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งทุกอย่างมีการปรับตัวในทิศทางที่ดี ขณะที่ผู้เล่นรายใหม่เข้ามาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกด้วย


“แนวโน้มไตรมาส 2/64 ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นบริษัทมีแผนปรับเป้ารายได้ทั้งปี 2564 เพิ่มขึ้นอีกภายหลังประกาศงบไตรมาส 2/64 จากเดิมที่ตั้งเป้ารายได้จะเติบโต 20%”


ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์เอเชีย เวลท์ จำกัด ระบุว่า คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/64 อยู่ที่ 45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 567%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 9%จากไตรมาสแรก และนับว่าเป็นการทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์รายไตรมาสต่อเนื่องกันเป็น 3 ไตรมาส


โดยได้แรงหนุนจาก รายได้ ที่ปรับตัวขึ้น 9%จากไตรมาสแรก หลังความต้องการใช้ตู้คอนเทนเนอร์เพื่อการส่งออกปรับตัวสูงขึ้น สะท้อนให้ เห็นได้จากตัวเลขการส่งออกของประเทศไทยในช่วงเดือน เม.ย.และพ.ค. ที่เติบโต 13%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 41%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ รวมทั้งค่าระวางตู้คอนเทนเนอร์ที่ยังอยู่ในระดับที่สูง


และSG&A/Sales ที่คาดว่าจะลดลงเหลือ 9% เทียบกับ 9.3% ในไตรมาสแรกปี 64 โดยหลักเกิดจากการประหยัดเชิงขนาด และการ ควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะลดลงเหลือ 17.5% เทียบกับ 18.0% ในไตรมาสแรกปี 64 เนื่องจากบริษัทไม่ได้ผลักภาระค่าระวางที่สูงขึ้นทั้งหมดให้ผู้ประกอบการ เนื่องจาก เป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อรักษาฐานลูกค้าไว้ ทั้งนี้หากกำไรไตรมาส 2/64 เป็นไปตามประมาณการ จะทำให้กำไรครึ่งปีแรกปี 64 อยู่ที่ 86 ล้านบาท จะคิดเป็น 74% ของประมาณการกำไรเดิม


ดังนั้นจากการที่หลายประเทศเริ่มมีมาตรการผ่อนคลายล็อคดาวน์ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีการฟื้น โดยเฉพาะสหรัฐฯ และจีน ทำให้ความต้องการนำเข้าสินค้าจากทางเอเชียฟื้นตัวเด่นชัด รวมทั้งประเทศไทยที่ได้อานิสงส์ดังกล่าว โดยประเด็นดังกล่าวทำให้อุปสงค์ตู้คอนเทนเนอร์ยังมีต่อเนื่องสะท้อนจาก Shanghai Containerized Freight Index ที่ยังอยู่ในระดับสูง โดย ณ วันที่ 9 ก.ค. 64 อยู่ที่ระดับ 3,932.35 จุด เพิ่มขึ้น 1%จากสัปดาห์ที่ผ่านมา


นอกจากนี้คาดว่าการส่งออกของประเทศไทย จะยังฟื้นตัวเด่นในครึ่งหลังปี 64 หลังจากที่ยอดส่งออก 5 เดือนแรกของปี 64 มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในครึ่งหลังปี 64 ยังได้อานิสงส์จากการที่ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกนอกเหนือจากปัจจัยด้านการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ธุรกิจ LogisLeasing คาดยังมีการขยายตัว หลังความต้องการสินเชื่อรถบรรทุกในประเทศจะเติบโต โดยเราคาดว่าจะเริ่มเห็นผลประกอบการจากส่วนธุรกิจ ดังกล่าวเข้ามาหนุนอย่างมีนัยยะในช่วงไตรมาส 4/64 ทำให้เชื่อว่าผลประกอบการในครึ่งหลังปี 64 ยังคงสดใส


ทั้งนี้ปรับรายได้ปี 64 ขึ้น 5% เป็น 2,249 ล้านบาท หลังเราคาดว่าความต้องการตู้คอนเทนเนอร์จะยังมีต่อเนื่อง จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ และปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ที่ยังลากยาวไปจนถึงปลายปี 64 และปรับอัตรากำไรขั้นต้นในปี 64 ขึ้นเป็น 18.5% (เดิม 18.2%) รวมทั้งปรับ SG&A/Sales ในปี 64-65 ลง จากเดิม 11% และ 11.6% เหลือ 10.2% และ 11.1% ตามลำดับ จากความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิในปี 64-65 เพิ่มขึ้น 22% และ 10% เป็น 141 ล้านบาท และ 147 ล้านบาท ตามลำดับ เติบโตจากปีก่อนที่อยู่ระดับ 60 ล้านบาท

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


หญิงแม้น