ห้องเม่าปีกเหล็ก

จับตาหุ้นเครือข่ายมือถือ

โดย Durant
เผยแพร่ :
53 views

จับตาหุ้นเครือข่ายมือถือ กำลังเข้าสู่จุดฟื้นตัวในปี 64

แม้ล่าสุดดัชนีตลาดหุ้นไทยจะดีดตัวกลับมา หลังจากปิดลบไปกว่า 80 จุดในวันเดียว แต่การระบาดของ COVID-19 ยังมีมีสัญญาณคลี่คลายลง จนทำให้หลายๆจังหวัดได้ประกาศมาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง ส่งผลต่อการลงทุนที่จะมีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้นเช่นกัน


ทั้งนี้หุ้นกลุ่มสื่อสาร อยู่ควบคู่กับการดำเนินชีวิตของคนเราไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการใช้อินเตอร์เน็ตบนมือถือ หรือเน็ตบ้านต่างๆ อย่างที่นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หุ้นกลุ่มสื่อสารได้รับผลกระทบเชิงลบที่จำกัด จากความกังวลต่อการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในประเทศระลอกสอง ดังนั้น คาดว่าจะเห็นการเกิด Sector Rotation เพื่อเข้าพักเงินในกลุ่ม Defensive

 

“ในปี 2563 ซึ่งเกิดการระบาดของ COVID-19 GDP งวด 9 เดือนปี 63 ติดลบ 6.7% แต่ตลาด Telecom ทำได้ดีกว่าที่ ติดลบ 2.3% ดังนั้นหากภาวะเศรษฐกิจในช่วงปี 2564-65 ทยอยฟื้นตัวหนุนจากภาคท่องเที่ยว รายได้ของกลุ่ม Telecom จะกลับมาเติบโตอีกครั้ง” นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

 

พร้อมยังบอกอีกว่า รายได้ของผู้ประกอบการ Mobile Operators เป็นตัวแทนที่ดีสำหรับการฟื้นตัวของ GDP ในภาวะปกติก่อนเกิด COVID-19 การเติบโตของตลาด Telecom ไทยระหว่างปี 2558-2562 อยู่ที่ 3.7% ใกล้เคียงกับการเติบโตของ GDP ไทยเฉลี่ยในช่วงเวลาเดียวกันที่ 3.5% หรือคิดเป็น Multiple ที่ 1.05 เท่า


ขณะที่ในปี 2563 ซึ่งเกิดการระบาดของ COVID-19 โดย GDP งวด 9 เดือนปี 63 ติดลบ 6.7% แต่ตลาด Telecom ทำได้ดีกว่าที่ ติดลบ 2.3% ดังนั้นหากภาวะเศรษฐกิจในช่วงปี 2564-65 ทยอยฟื้นตัวหนุนจากภาคท่องเที่ยว รายได้ของกลุ่ม Telecom จะกลับมาเติบโตอีกครั้งในช่วงระหว่าง 2-4% ขึ้นกับภาวะการแข่งขันด้านราคาในตลาด 5G และการกลับมาของ SIM นักท่องเที่ยวเป็นสำคัญ


สำหรับการเติบโตของรายได้อุตสาหกรรม Telecom มีนัยสำคัญต่อประมาณการกำไรและราคาเหมาะสมของเราและตลาด เนื่องจากโครงสร้างค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ของกลุ่มเป็นต้นทุนคงที่ หากรายได้ฟื้นตัว กำไรของกลุ่มจะฟื้นตัวในอัตราเร่ง ดังนั้นประมาณการ Bloomberg Consensus ในปี 2564 ของ ADVANC ที่ 2.84 หมื่นล้านบาท (+2.2% YoY) DTAC ที่ 4.6 พันล้านบาท (-17% YoY) และ TRUE ที่ขาดทุน 823 ล้านบาท เราประเมินว่าเป็นกรณี Bearish ประมาณการมีโอกาสถูกปรับขึ้นราว 10-20% ในช่วงครึ่งแรกปี 64 หากการกระจาย Vaccine COVID-19 ทำได้ราว 1.5 พันล้านคนและรัฐบาลกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง

 

ทั้งนี้นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินกำไรปกติ ADVANC ในปี 2563 ที่ 26,888 ล้านบาท ส่วนปี 64 คาดเติบโตมาอยู่ที่ 28,140 ล้านบาท ขณะที่ TRUE คาดว่ามีผลขาดทุนปกติ -2,778 ล้านบาท ส่วนปี 64 คาดขาดทุนปกติลดลงมาอยู่ที่ -749 ล้านบาท DTAC  ในปี 2563 คาดมีกำไรปกติ 5,446 ล้านบาท ขณะที่ปี 2564 คาดที่ 4,926 ล้านบาท และสุดท้าย INTUCH ในปี 2563 คาดมีกำไรปกติ 10,117 ล้านบาท ส่วนปี 64 คาด 10,365 ล้านบาท

 

การลงทุนของกลุ่มผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว

นอกจากนี้การลงทุนของกลุ่มผ่านจุดสูงสุดไปแล้วในปี 2563 ที่ทั้ง ADVANC และ TRUE ลงทุนในคลื่น 5G และในโครงข่าย 5G ไปพอสมควร แต่การใช้งานยังจำกัด ขณะที่ตลาดยังไม่มี Killing Application ที่กระตุ้นให้ผู้บริโภคต้องเปลี่ยนไปใช้งาน 5G อย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น Operators ทั้งสองรายจึงไม่มีความจำเป็นต้องลงทุนหนักในปี 2564-65 ซึ่งเป็นบวกกับกระแสเงินสดและงบดุลให้ดีขึ้นในระยะถัดไป คลายกังวลของตลาดต่อภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้นมากของ TRUE ในปี 2563 จากการครบรอบ Vendor Financing และเพิ่มโอกาสที่ ADVANC อาจกลับมาจ่ายปันผลที่ระดับสูงกว่า 70%

 

การประมูลคลื่น 3500MHz ไม่ใช่ประเด็นกดดันกลุ่ม

ขณะที่การประมูลคลื่นในปี 2564 หากเกิดขึ้นจะมีเพียงคลื่น 3500MHz ของ THCOM ที่จะหมดสัมปทานในไตรมาส 4/64 ซึ่งเป็นคลื่นที่ ADVANC และ TRUE ไม่จำเป็นต้องเข้าประมูล เพราะมีคลื่น 2600MHz ในมือมากเพียงพอทำ 5G เต็มประสิทธิภาพแล้ว


โดยการประมูลคลื่น 3500MHz หากเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังปี 64 จะส่งผลดีต่อ 1.DTAC เพราะจะช่วยให้กลับมานำเสนอ 5G ได้เต็มศักยภาพ ปลดล็อคความสามารถในการแข่งขันที่ด้อยกว่ากลุ่ม และ 2.ส่งผลดีต่อทั้งอุตสาหกรรมเพราะลดโอกาสแข่งขันด้านราคาในระยะยาวเนื่องจาก DTAC แข็งแกร่งขึ้น


ส่วนกรณีการประมูลที่จะเป็นลบต่อหุ้นในกลุ่ม ได้แก่ 1.กรณีที่ ADVANC หรือ TRUE เข้าประมูลคลื่น 3500MHz เพิ่มเติมอีกโดยไม่จำเป็น จะเป็นลบต่อทุกรายเนื่องจากผุ้ชนะจะได้คลื่นไปเกินความจำเป็นและทำให้ DTAC อ่อนแอลงมากในเชิงเปรียบเทียบ จำเป็นต้องเลือกการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงเพื่อรักษาฐานลูกค้า


หรือ 2.กรณีที่การประมูลคลื่น 3500MHz ถูกเลื่อนออกไปเกินกว่าสองปี และ DTAC ไม่สามารถ Upgrade คลื่น 2300MHz มาให้บริการ 5G ในช่วงครึ่งปีแรก 64 กรณีนี้จะทำให้ DTAC อ่อนแอนานเกินไปและต้องเลือกที่แข่งขันด้านราคาที่รุนแรงเช่นกัน เราประเมินความเสี่ยงในกรณีแรกต่ำมาก ขณะที่กรณีที่สองมีความเสี่ยงพอสมควร แต่ยังมีเวลาให้ DTAC เร่งดำเนินการ

 

โตไม่มาก แต่ฟื้นแน่

ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนของหุ้นในกลุ่มเป็น มากกว่าตลาด ราคาหุ้นในกลุ่ม Operators ซื้อ ขาย ที่ 1SD ของค่าเฉลี่ยEV/EBTIDA ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2557 สะท้อนความอ่อนแอจากผลกระทบ COVID-19 ไปแล้ว ขณะที่ผลประกอบการกำลังเข้าสู่จุดฟื้นตัวในปี 2564


ดังนั้นเลือก ADVANC โดยแนะ ซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 221.00 บาท และ TRUE แนะ ซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 3.70 บาท เป็นตัวเลือกแรกที่จะ Rebound ขณะที่ DTAC แนะ ซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 56.50 บาท เป็นตัวเลือกรองจาก Overhang กรณีย้ายค่ายกดดันในระยะสั้น แต่หากตลาดเริ่มมองข้ามประเด็นระยะสั้นและ DTAC ได้คลื่น 3500MHz มาเสริม เราเชื่อว่า DTAC มี Upside สูงที่สุดในกลุ่ม


สำหรับนักลงทุนที่มองหาปันผลและความมั่นคง เราแนะนำ ซื้อ INTUCH ให้ราคาเป้าหมาย 65.00 บาท โดยคาดให้ปันผลคาดหวังที่ 4.3% แม้ไม่สูงเท่า DTAC แต่มีความเสี่ยงต่อกรณีคลื่นความถี่ต่ำกว่า


ความเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ การแจกจ่ายวัคซีนที่ล่าช้า การระบาดรอบสองที่ยาวนาน และการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง

 

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


Durant