จับตา `หุ้นน้ำมัน-โรงกลั่น-ถ่านหิน` รับอานิงส์ EU ชงคว่ำบาตรรัสเซีย

ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส (ASPS) เผยผ่านบทวิเคราะห์ว่า คณะกรรมการยุโรป (EU) เสนอให้บรรดาสมาชิกระงับการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียภายในเวลา 6 เดือน และระงับนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่นจากรัสเซียภายในสิ้นปีนี้ โดยมาตรการดังกล่าวจะต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิก EU ทั้งหมด 27 ปรtเทศ ก่อนที่จะมีผลบังคับใช้
.
ประเด็นดังกล่าวส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นแรง ซึ่งเกิดจากความวิตกกังวลว่าจะเกิดภาวะขาดแคลนน้ำมัน จากการที่รัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่อันดับ 3 ของโลกจะถูก sanction หนุนราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น 4 ถึง 5% ในวานนี้
.
อย่างไรก็ตาม คาดจะเป็นเพียงปัจจัยหนุนช่วงสั้นต่อทิศทางราคาน้ำมัน โดยภาพใหญ่ในระยะยาวเชื่อว่ายังมีปริมาณน้ำมันในตลาดโลกยังมีเพียงพอต่อความต้องการใช้โดยรวม
.
ทั้งนี้ สัดส่วนการส่งออกน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันอื่นๆรวม 7.5 ล้านบาร์เรล/วัน (แบ่งเป็นน้ำมันดิบราว 4.7 ล้านบาร์เรล/วัน และผลิตภัณฑ์น้ำมันอื่นๆอีกราว 2.8 ล้านบาร์เรล/วัน)ของรัสเซีย กว่า 49% หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 3.7 ล้านบาร์เรล/วัน ที่ถูกส่งไปยังกลุ่ม EU เชื่อว่ายังมีแหล่งน้ำมันสำรองอื่นๆ ที่ใช้ทดแทนปริมาณน้ำมันจากรัสเซียในในช่วง 6 เดือนต่อจากนี้ได้จาก
.
1.กลุ่ม OPEC+: คาดจะค่อยๆเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นไปถึงราว 2.6 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดือนเมษายน – กันยายน 2565 จากการปรับเพิ่มกำลังการผลิตตามแผน 4.0 แสนบาร์เรล/วันในเดือนเมษายน และเพิ่มอีกเดือนละ 4.32 แสนบาร์เรล/วัน ตั้งแต่เดือนพฤศภาคม 2565 เป็นต้นไป
.
2.คลังสำรองน้ำมันจาก IEA: สหรัฐฯประกาศระบายน้ำมันออกจากคลังสำรอง 180 ล้านบาร์เรล และกลุ่มประเทศสมาชิกอีก 60 ล้านบาร์เรล หรือรวมราว 1.33 ล้านบาร์เรล/วัน เป็นเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เป็นต้นไป
.
3.กลุ่มประเทศที่ถูกคว่ำบาตร: สามารถผลิตน้ำมันสู่ตลาดโลกได้เพิ่มเติม หากถูกยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร ประกอบด้วย อิหร่าน ราว 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน อิรัก ราว 0.6 ล้านบาร์เรล/วัน เวเนซุเอลา ราว 0.2-0.3 ล้านบาร์เรล/วัน
.
4.ประเทศนอกกลุ่ม OPEC+ (สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, อาร์เจนตินา, บราซิล, นอร์เวย์เป็นต้น): IEA คาดการณ์ว่าผู้ผลิตนอกกลุ่ม OPEC+ สามารถเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันได้ราว 1.7 ล้าน/วัน ระหว่างเดือน มี.ค. – ก.ย. 2565 โดยมีสหรัฐฯ คิดเป็น 1 ใน 3 ของกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น
.
นอกจากนี้ หากพิจารณาสถานการณ์น้ำมันในปัจจุบัน จากคาดการณ์ของ EIA พบว่า ความต้องการใช้น้ำมันปี 2565-66 จะอยู่ราว 99.8 และ 101.7 ล้านบาร์เรล/วันตามลำดับ เพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล/วันจากปี 2564 ขณะที่ปริมาณผลิตน้ำมันในตลาดโลกปี 2565-66 จะอยู่ราว 100.2 และ 102.2 ล้านบาร์เรล/วัน ตามลำดับ เพิ่มขึ้น4.7 ล้านบาร์เรล/วันจากปี 2564 ดังนั้น จะเห็นได้ว่าปริมาณน้ำมันในตลาดโลกยังมีเพียงพอต่อความต้องการใช้โดยรวม จึงเชื่อว่าในอนาคตราคาน้ำมันจะค่อยๆทยอยปรับตัวลงสู่ supply และ demand ที่แท้จริง
.
สำหรับกลุ่มโรงกลั่น จากการยกเลิกการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูจากรัสเซีย ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดขาดแคลน หนุนให้ creak spread น้ำมันสำเร็จรูปปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันดีเซล ซึ่งปัจจุบันปรับตัวขึ้นมาอยู่เหนือระดับ 40 เหรียญ/บาร์เรล จึงคาดจะเป็น sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มโรงกลั่นในภาพรวม ทั้ง TOP, PTTGC, IRPC,BCP, SPRC
.
ด้าน บล.เคทีบี เอสที มีมุมมองเป็นบวกต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์จากข่าวนี้ แม้ว่ายังมีความเป็นไปได้ที่ข้อเสนอนี้จะได้ไม่รับความเห็นชอบจากประเทศสมาชิก EU ทั้งหมด โดยวานนี้ราคาซื้อขายสัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบ Brent +5% ขณะที่ ราคาถ่านหินอ้างอิง Newcastle (NEX) สูงขึ้น 10% นอกจากนี้ ราคาก๊าซธรรมชาติใน US ก็แตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 13 ปี หนุนด้วยระดับก๊าซคงคลังที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยและอุปสงค์ที่สูงกว่าปกติในฤดูร้อน
.
ทั้งนี้ ยังคงคำแนะนำ "เท่ากับตลาด" สำหรับกลุ่มพลังงาน และชอบหุ้น BANPU (ซื้อ/เป้า 15.00 บาท) และ TOP (ซื้อ/เป้า 70.00 บาท) มากที่สุด โดย เชื่อว่า BANPU จะรายงานกำไร 1Q22E ที่แข็งแกร่งหนุนด้วยราคาถ่านหินที่แข็งแกร่ง ขาดทุนจากกิจกรรมป้องกันความเสี่ยงที่ลดลง และกำไรพิเศษจากการรับรู้การขายหุ้นบริษัท Sunseap ขณะที่ คาดว่า TOP จะได้ประโยชน์จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันและน้ำมันดิบที่สูงต่อเนื่องใน 1H22E
.
บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี แนะนำ ซื้อเก็งกำไร หุ้นกลุ่ม Oil & Gas โรงกลั่นและถ่านหินอย่าง PTTEP PTT SPRC TOP BCP BANPU LANNA จากการที่ราคาน้ำมันและราคาถ่านหินพุ่งขึ้นเมื่อวานนี้ โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดพุ่ง $5.40 หรือ 5.3% ปิดที่ 107.81 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับรายงานที่ EU เสนอให้บรรดาประเทศสมาชิกระงับการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ตอบโต้ต่อการที่รัสเซียใช้กำลังทหารรุกรานยูเครน โดย EU จะระงับการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียภายในเวลา 6 เดือน และระงับนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่นจากรัสเซียภายในสิ้นปีนี้ โดยจะระงับการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียอย่างสิ้นเชิง ซึ่งรวมถึงระงับการขนส่งน้ำมันทางทะเลและท่อส่งน้ำมัน, น้ำมันดิบ และผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่น
.
ในขณะที่ราคาถ่านหินก็ปิดพุ่ง 33.4เหรียญ/ตันหรือ +10.22% ปิดที่ 360 เหรียญ/ตัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 เดิอน ส่วนค่าการกลั่นปิดที่ 26.60 เหรียญ/บาร์เรล ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้นจากวันก่อนที่ 22.51เหรียญ/บาร์เรลและสูงกว่าค่าเฉลี่ยไตรมาส 1/65 ที่ 8.05 เหรียญ/บาร์เรลมาก
