ห้องเม่าปีกเหล็ก

ERW สู้ๆ

โดย ทองม้วน
เผยแพร่ :
106 views

SCBS ชูหุ้น ERW – AAV เป็นTop picks รับไฮซีซันท่องเที่ยว

บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด รายงานบทวิเคราะห์ว่าในช่วงไตรมาส 4/59 จะเป็นช่วงไฮซีซันท้าทาย เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนอาจจะปรับตัวลดลงจากการขึ้นค่าธรรมเนียม visa on arrival อีกเท่าตัวและการปราบปรามเอเย่นต์ทัวร์ศูนย์เหรียญ อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่าผลกระทบจะเกิดขึ้นแค่ช่วงสั้น ๆ และสำหรับด้านบวก คาดว่ามาตรการนี้จะช่วยส่งเสริมให้คุณภาพการท่องเที่ยวไทยปรับตัวดีขึ้น Top picks คือ ERW และ AAV

ช่วงโลว์ซีซันแข็งแกร่งมากขึ้นในไตรมาส 2/59 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 7.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.2% YoY (-16% QoQ) จีนยังคงเป็นตลาดใหญ่ที่สุด โดยคิดเป็น 30% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยกท่องเที่ยวจากจีนมีจำนวน 2.3 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13% YoY (-14% QoQ) นักท่องเที่ยวจากรัสเซีย (3% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย) ฟื้นตัวดีขึ้น โดยเพิ่มขึ้น 38% YoY (-46% QoQ)

ส่งผลทำให้ไตรมาส 2/59 เป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกันที่นักท่องเที่ยวจากรัสเซียมีอัตราเติบโตเป็นบวก YoY หลังจากเริ่มปรับตัวลดลงในไตรมาส 2/57 เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นมาจากตลาดระยะใกล้โดยเฉพาะจีนซึ่งมีพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวตามฤดูกาลน้อยกว่านักท่องเที่ยวจากตลาดระยะไกล การท่องเที่ยวไทยจึงขึ้นอยู่กับฤดูกาลน้อยลง ERW เป็นบริษัทที่รายงานผลการดำเนินงานโดดเด่นที่สุดในไตรมาส 2/59เนื่องจากบริษัทรายงาน กำไรในช่วงโลว์ซีซั่นได้เป็นครั้งแรกนับตั่งแต่ปี
2552

สำหรับช่วงไฮซีซั่นในไตรมาส 4/59 ถูกท้าทายโดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวจีน โมเมนตัมที่แข็งแกร่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 11% YoY อย่างไรก็ตาม เรามองว่าไตรมาส 4/59 จะเป็นช่วงไฮซีซั่นที่ท้าท้าย เนื่องจากมี ปัจจัยที่อาจจะส่งผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวจีน ได้แก่ 1) การขึ้นค่าธรรมเนียม visa on arrival อีกเท่าตัวสู่ 2,000 บาท มีผลบังคับใช้ในวันที่ 27 ก.ย. และ 2) การปราบปรามเอเย่นต์ทัวร์ศูนย์เหรียญในประเทศไทยในช่วงปลายเดือน ส.ค. เราไม่คิดว่าการขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่าจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย แม้ว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น 1,000 บาท คิดเป็นสัดส่วนเพียง 2% ของค่าใช้จ่ายเฉลี่ยที่นักท่องเที่ยวจากจีนใช้จ่ายในประเทศไทย (47,000 บาท/คน/ทริป)

ในขณะที่เราเห็นว่าควรจับตาปัจจัยที่สองอย่างใกล้ชิด โดยทางการไทยคาดว่าจะมีผลกระทบเกิดขึ้นบ้างในเดือน ก.ย. แต่คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะฟื้นตัวในช่วงวันหยุดยาว golden week ของจีนระหว่างวันที่ 1-7 ต.ค. เรามองว่าผลกระทบจะเกิดขึ้นแค่ช่วงสั้น ๆ เนื่องจากนักท่องเที่ยวจากจีนส่วนใหญ่ (~60%) เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวเอง และ ~40% เดินทางมากับกรุ๊ปทัวร์ และกรุ๊ปทัวร์ก็ไม่ใช่ทัวร์ศูนย์เหรียญทั้งหมด สำหรับด้านบวก เราคาดว่ามาตรการนี้จะช่วยส่งเสริมให้คุณภาพการท่องเที่ยวไทยปรับตัวดีขึ้น

ผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว:

จากการคำนวณของเรา ผู้โดยสารจากจีนคิดเป็น ~25% ของรายได้ของ AOT แนวโน้มที่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะปรับตัวลดลงภายหลังการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญจะส่งผลกระทบต่อ AOT โดยจะทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมการใช้สนามบินและรายได้ค่าสัมปทานปรับตัวลดลง เนื่องจากสนามบินของ AOT เป็นประตูสู่ประเทศไทย การประเมินของเราพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดดลงทุกๆ 100,000 คน จะส่งผลกระทบทำให้กำไรของ AOT ปรับลดลง 0.5%

สำหรับกลุ่มโรงแรม แขกชาวจีนคิดเป็น 15% ของรายได้ของ ERW, ~9% ของรายได้ของ CENTEL, และ ~6% ของรายได้ของ MINT ในขณะที่หุ้นอื่นๆ ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากทัวร์ศูนย์เหรียญ เราเชื่อว่า CENTEL และ MINT จะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากทั้ง สองบริษัทดำเนินกิจการโรงแรมระดับบน ERW มีโรงแรมชั้นประหยัด ibis แต่บริษัทกล่าวว่า ibis ไม่ใช่เป้าหมายสำหรับทัวร์ศูนย์ เหรียญ ทั้งนี้อัตราการเข้าพักโรงแรมของ ERW (ไม่รวม HOP INN) อยู่ในระดับสูงที่ ~85% QTD(เทียบกับ ~75% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน)

AAV รายงาน load factor ที่แข็งแกร่งมากขึ้นที่ 86% ในเดือน ก.ค.-ส.ค. สูงกว่า 85% ในช่วงครึ่งแรกปี 59 ทั้งนี้หลังจากรัฐบาลเดินหน้าปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ AAV ก็รายงานว่ามีการยกเลิกเที่ยวบินเช่าเหมาลำสู่ประเทศจีนบางส่วนในเดือน ก.ย.-ต.ค. อย่างไรก็ดี เที่ยวบินเช่าเหมาลำคิดเป็นสัดส่วนน้อยมากของจำนวนเที่ยวบินทั้งหมดของ AAV และผลกระทบมีน้อยมากเพียง ~2% ของปริมาณที่นั่งทั้งหมด AAV ยังคงพบว่ามียอดจองตั๋วโดยสารล่วงหน้าจำนวนมากสำหรับเส้นทางบินจีนในช่วงวันหยุด golden week ของจีนในดือน ต.ค.

Top picks คือ ERW และ AAV

เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย โดยได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการเดินทางท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะใกล้ เช่น จีน และกลุ่มประเทศ AEC ที่เศรษฐกิจกำลังเติบโต และเปอร์เซ็นต์นักท่องเที่ยวที่เดินทางออกนอกประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ หุ้น top pick ของเรา คือ ERW (ราคาเป้าหมาย 6.5 บาท/หุ้น) และ AAV (ราคาเป้าหมาย 9บาท/หุ้น) เนื่องจาก ERW ประกอบธุรกิจโรงแรมเพียงอย่างเดียว ดังนั้น บริษัทจึงมีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่กำลังเติบโตและพฤติกรรมการท่องเที่ยวตามฤดูกาลที่ลดน้อยลง

โดยกำไรมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังปี 59 ถึงปี 2560 ราคาหุ้น AAV ปรับตัว outperform ตลาดอยู่ 16% YTD และเราเชื่อว่าผลการดำเนินงานที่แ ข็งแกร่งในช่วงครึ่งหลังปี 59 (ประมาณการกำไรปี 2559ของเราที่ 2.4 พันล้านบาท บ่งชี้ถึงกำไรปกติที่เติบโต 126% YoY ในช่วงครึ่งหลังปี 59 ) จะช่วยสนับสนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ

ที่มา : บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด


ทองม้วน