ห้องเม่าปีกเหล็ก

กลุ่มแบงก์แบก ‘ตั้งสำรอง’

โดย poomai
เผยแพร่ :
68 views

กลุ่มแบงก์แบก ‘ตั้งสำรอง’ กำไรไตรมาส 3 ยังทรุด

เศรษฐกิจไทยแม้มีแนวโน้มว่าจะ “พ้นจุดต่ำสุด” ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ต้องยอมรับว่า ยัง “หดตัว” ในระดับสูงต่อเนื่อง เช่นเดียวกับผลดำเนินงานของกลุ่มธนาคารพาณิชย์

ซึ่ง“นักวิเคราะห์” ประเมินตรงกันว่า ช่วงไตรมาส 2 น่าจะเป็นช่วงที่ “ต่ำสุด” ของปีนี้ หลังจากนั้นจะทยอยดีขึ้นแต่ยังคงหดตัวในระดับสูง

“ธนเดช รังษีธนานนท์” ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ประเมินว่า ผลประกอบการของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (แบงก์) งวดไตรมาส 3/2562 คาดกำไรสุทธิรวมน่าจะอยู่ที่ระดับ 32,000 ล้านบาท หรือลดลงประมาณ 42% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ปรับเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 2/2563 

โดยกำไรที่ลดลง คาดว่าเป็นผลจาก แรงกดดันในการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญและค่าใช้จ่ายของแต่ละบริษัทที่ยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่รายได้จากค่าธรรมเนียม (ค่าฟี) ยังคงปรับตัวลดลง รวมถึงส่วนต่างดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลงหลังมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนหน้ากลับพบว่ากำไรปรับเพิ่มขึ้น เพราะรายได้ค่าฟีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและการตั้งสำรองฯที่ลดลง

สำหรับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่อยู่ระดับ 3.15% และไตรมาส 2/2563 ที่อยู่ระดับ 2.95% เนื่องจากผลกระทบของการปรับอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา และคาดว่าแนวโน้ม NIM คงอ่อนตัวลงยาวไปจนถึงช่วงปีหน้า ส่วนตัวเลขหนี้เสีย (เอ็นพีแอล)คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3.3% เพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาสก่อนหน้าที่ระดับ 3.1% ซึ่งเป็นผลมาจากแนวโน้มหนี้เสียที่เพิ่มสูงขึ้นจากสถานการณ์ผลกระทบของโควิด-19 ซึ่งส่งผลทำให้ลูกค้าแบงก์โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่เน้นพึ่งพิงลูกค้าจากต่างประเทศ (โรงแรม,ท่องเที่ยว) ยังคงได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง

“งวดไตรมาส 3/63 หุ้นในกลุ่มแบงก์ทุกตัว คาดว่าจะมีกำไรลดลง เพราะคาดว่าแต่ละบริษัทจะยังมีการตั้งสำรองฯที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์หนี้เสียหรือเอ็นพีแอลที่ยังเป็นเทรนด์ขาขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่าจะตัวเลขหนี้เสียจะยังเห็นไม่ชัดเจนในไตรมาสนี้ แต่จะปูดมากขึ้นในช่วงไตรมาส 4/63 หลังหมดมาตรช่วยเหลือลูกค้าของภาครัฐ”

นอกจากนี้ประเมินว่า กำไรกลุ่มแบงก์ทั้งปี 2563 น่าจะอยู่ที่ระดับ 1.4 แสนล้านบาท หรือลดลงกว่า 34% จากปีก่อนที่ทำได้ 2.01 แสนล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการทำกำไรที่ต่ำสุดของกลุ่มแบงก์ในรอบ 10 ปี

ส่วนปี 2564 คาดว่ากำไรกลุ่มแบงก์จะฟื้นตัวเล็กน้อยราว 5% จากปีก่อนหรืออยู่ที่ระดับ 1.46 แสนล้านบาท เนื่องจากการตั้งสำรองฯที่คาดว่าจะยังอยู่ในระดับสูงและรายได้ส่วนอื่นๆที่ยังคงฟื้นตัวได้ช้า

“คงต้องใช้เวลาหลายปีกว่ากำไรกลุ่มแบงก์จะกลับไปเท่ากับปี 2562 ที่ระดับ 2 แสนกว่าล้านบาท ซึ่งตัวแปรสำคัญก็ขึ้นอยู่กับตัวเลขหนี้เสียว่าจะปรับตัวขึ้นมากน้อยหรือไม่ ซึ่งหากแต่ละแบงก์มีการควบคุมได้ดีก็จะสะท้อนกลับไปที่การตั้งสำรองฯของแต่ละแบงก์ที่ลดน้อยลง”

“ธนวัฒน์ รื่นบันเทิง” นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า กำไรกลุ่มแบงก์ในงวดไตรมาส 3/2563 น่าจะทำได้ราว 31,233 ล้านบาท ซึ่งลดลง 38.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 50,828 ล้านบาท แต่เพิ่มขึ้น 10.6% จากไตรมาส 2/2563 ที่ทำได้ 28,246 ล้านบาท โดยคาดว่าทุกแบงก์กำไรจะลดลง (ยกเว้น BBL-KBANK) เนื่องจากการตั้งสำรองฯ,ส่วนต่างดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมที่ยังคงปรับตัวลดลง

“จงรัก รัตนเพียร” รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) ระบุว่า การตั้งสำรองหนี้เสียของธนาคารในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากธนาคารได้ตั้งสำรองไว้ระดับสูงแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ(Coverage ratio) อยู่ที่ประมาณ 160% เป็นระดับที่สามารถรับความเสี่ยงในอนาคตได้ โดยเฉพาะรองรับหนี้เสียที่อาจเกิดขึ้นในระยะข้างหน้า ทั้งนี้ธนาคารประเมินว่า ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนในช่วง 2 ปีข้างหน้า

ส่วนธุรกิจปี 2564 ธนาคารจะมีการจัดทำในช่วงเดือนพ.ย.นี้ ซึ่งยอมรับว่าเป็นปีที่ท้าทาย เพราะมีปัจจัยเสี่ยงอยู่มาก เนื่องจากเศรษฐกิจไทยที่ผ่านมาพึ่งพาการส่งออก และการท่องเที่ยว ดังนั้นผลกระทบจากไวรัสโคโรนา สายพันธ์ุใหม่ หรือโควิด-19 ก็เป็นส่วนที่ทำให้ภาพเศรษฐกิจหลายภาคชะลอตัว ดังนั้นธนาคารเตรียมนำผลกระทบต่างมารวมอยู่ในการทำแผนธุรกิจปีหน้าด้วย

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก

 

poomai