ห้องเม่าปีกเหล็ก

เช็คกรอบบน SET index ในภาวะฟันด์โฟลว์ติดสปีด

โดย Financial Investor
เผยแพร่ :
68 views

 

เร่งเครื่องแบบกลัวไม่ทันเพื่อนตลาดกลุ่ม TIP คือภาพของ SET index ที่พยายามไต่เพดานบินขึ้นเร็ว และเป็นเรื่องที่ผิดไปจากที่โบรกเกอร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้  เพราะถ้านับตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค.เป็นต้นมา รวมระยะเวลา 16 วันทำการ  ดัชนีตลาดหุ้นไทยทะยานขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่รอบ 23 ปี หรือบวกไปเกือบ 100 จุด คิดเป็นอัตราผลตอบแทนทะลุ 6% ภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือน ยิ่งกระตุกความสงสัยของนักลงทุนถึงอัพไซด์ดัชนีตลาดหุ้นไทยว่าอยู่ที่ไหน? และหากไปต่อ จะไปกันอย่างไร? ไปจนถึงคำถามฮิตสำหรับใครที่ตกรถรอบนี้ ว่ายังมีโอกาสเกาะขบวนรถไฟทันหรือไม่? 
 
Money Channel เช็คไปยังโบรกเกอร์ที่มียอดวอลุ่มเทรดสูงสุดของวัน (จันทร์ 18 ก.ย.) นั่นคือ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ​คุณอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บอกว่านักลงทุนต่างชาติเชื่อมั่นกับหุ้นไทยชัดเจนมากขึ้นหลังจากวันที่ 25 ส.ค.เป็นต้นมา ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่คดีโครงการจำนำข้าวมีความชัดเจน โดยไม่มีเหตุรุนแรง ขณะเดียวกัน ภาพเศรษฐกิจไทยที่พึ่งการส่งออกเป็นหลัก ก็ส่งสัญญาณเติบโตเกินคาด จากเดิมที่คาดโต 2-3% แต่ในช่วง 7 เดือนแรกของปี ส่งออกขยายตัวแล้วถึง 8% ทำให้จนถึงสิ้นปีการเติบโตในระดับไม่ต่ำกว่า 5% ไม่ใช่เรื่องยาก เช่นเดียวกับภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัวเช่นกัน จากช่วงที่ผ่านมาที่ถูกกระทบจากการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ 
 
ในมุมของผลประกอบการ ค่ายดีบีเอสฯ คาดไตรมาส 2/60 เป็นจุดต่ำสุดของปี เหตุจากผลกระทบราคาน้ำมันร่วงลงมาต่ำ ทำให้กลุ่มพลังงานที่มีสัดส่วนกำไรสูงได้รับผลกระทบ แต่ในไตรมาส 3 จะสามารถฟื้นตัวได้ตามทิศทางราคาน้ำมัน แม้ว่ากำไร บจ.โดยรวมของปีนี้จะโตได้เพียงตัวเลขหลักเดียว แต่โมเมนตัมถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเพราะได้พ้นจุดเลวร้ายไปแล้ว 
 
สำหรับพอร์ตนักลงทุนต่างชาติ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อปี 2013-2015 พบว่าต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยสูงถึง 3.86 แสนล้านบาท แต่พอมาในปี 2016 พลิกเป็นยอดซื้อสุทธิ 7.8 หมื่นล้านบาท ก่อนจะมาซื้อชัดเจนอีกครั้งนับตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค.เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน (ณ วันที่ 15 ก.ย.) ​ที่ตัวเลขต่างชาติซื้อสุทธิกว่า 1.36 หมื่นล้านบาท เทียบกับตัวเลขถ้านับตั้งแต่ต้นปีจนถึง 25 ส.ค.ที่ต่างชาติซื้อสุทธิเพียง 2 พันล้านบาทเท่านั้น  
 
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะตอบรับกับปัจจัยผลประกอบการปีนี้ไปแล้ว ทางนักวิเคราะห์ดีบีเอสฯ ยังคงประมาณการดัชนี SET ที่ 1,650 จุด แต่ถ้ามองข้ามไปยังปีหน้า ด้วยการใช้สมมติฐานกำไร บจ.เติบโตในระดับ 10% อ้างอิงบน P/E 16.7 เท่า จะมีเป้าดัชนีฯ อยู่ที่ 1,815 จุด หรือคิดเป็นอัพไซด์กว่า 8.7% เทียบกับดัชนีฯระดับปัจจุบัน  
 
ส่วนกรณี Worst case สมมติฐานกำไร บจ.เติบโตเพียง 5% อิงกับ P/E 16.7 เท่า จะได้เป้าดัชนีฯ อยู่ที่ 1,733 จุด หรืออัพไซด์เพียง 3.8% 
 
คุณอาภาภรณ์แนะนำว่าในภาวะตลาดที่ขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจนสัญญาณเทคนิคเข้าเขตซื้อมากเกินไป (Overbought) นักลงทุนควรพิจารณาพื้นฐานหุ้นเป็นรายตัวมากกว่าที่จะอิงกับดัชนีฯ ด้วยการเน้นไปยังหุ้นที่ราคายังต่ำกว่ามูลค่าเหมาะสม เพราะมีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นที่แพงเกินพื้นฐานไปมากแล้ว 
 
โบรกเกอร์ค่ายนี้ ให้ธีมลงทุนในไตรมาส 4 ประกอบด้วย : 
 
*Value Play อาทิ AMATA และ KBANK  
* หุ้นวัฎจักร อาทิ PTT และ PTTGC  
*หุ้นเติบโต อาทิ AOT และ ERW  
*การอิงโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ BEM  
*หุ้นปันผลเกิน 7% อาทิ KKP และ SENA  
 
คุณอาภาภรณ์ ยังให้ข้อสังเกตในกรณี SET  ยังขึ้นต่อเนื่อง ถ้าหากดัชนีฯ ยังไต่ระดับเส้นค่าเฉลี่ย (Moving Average) 10 วันได้แข็งแกร่ง ถือเป็นสัญญาณที่ดีของรอบไซด์เวย์ขาขึ้น แต่ถ้าหลุดเส้นดังกล่าวต้องควรระวังแรงขายที่อาจเกิดขึ้น 
 
มาที่ความเห็นของคุณไพบูลย์ นลินทรางกูร ในฐานะนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) บอกว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังมีโอกาสฟื้นตัวในทิศทางเชิงบวก เนื่องจากจะถูกขับเคลื่อนด้วยเม็ดเงินที่มีสภาพคล่องสูงในระบบ หลังจากที่มุมมองธนาคารกลางสหรัฐฯ  คาดจะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย ขณะเดียวกัน คาดว่าจะชะลอการปรับลดงบดุล (Balance Sheet) ออกไปด้วย จึงทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น เพราะมูลค่าตลาดยัง "Laggard" เมื่อเทียบกับตลาดภูมิภาค 
 
คุณไพบูลย์มองว่านักลงทุนต่างชาติเริ่มเชื่อมั่นมากขึ้นเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย รวมถึงมั่นใจกับสถานการณ์การเมืองในประเทศมีเสถียรภาพ สะท้อนได้จากภายหลังจากวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาร้อนแรงและให้ผลตอบแทนกว่า 6% ซึ่งถ้ารวมกับเงินบาทแข็งค่า ผลตอบแทนต่างชาติจะสูงถึง 17% สูงเป็นอันดับต้นๆ ของอาเซียน เป็นรองเพียงสิงคโปร์ที่ผลตอบแทนต่างชาติสูงถึง 19%  แต่ปัจจจุบันมูลค่าพื้นฐานได้ขึ้นมาสูงแล้ว ถ้าเทียบกับกำไรบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ที่คาดจะเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียว ดังนั้นในระหว่างทางมีความเสี่ยงสูงที่จะเผชิญกับแรงขายทำกำไร เพราะหากดัชนีหุ้นไทยถ้าจะสูงเกิน 1,700 จุด กำไรบริษัทจดทะเบียนต้องเติบโตเกิน 10% ถึงจะสอดคล้องไปกับดัชนีฯ ที่ปรับตัวขึ้นมาในรอบนี้  
 
คุณไพบูลย์ มองว่าแม้ดัชนี SET จะขึ้นมาสูง แต่ยังไม่เห็นสัญญาณฟองสบู่ในตลาดหุ้นไทย เพราะถ้าประเมิน P/E 16 เท่าเทียบกับภูมิภาคไม่ได้สูงจนเกินไป ประกอบกับภาวะดอกเบี้ยต่ำเป็นปัจจัยเอื้อกับการลงทุนในตลาดหุ้น จึงมองว่าช่วงสั้นตลาดหุ้นไทยมีดาวน์ไซด์จำกัด เพราะปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยส่งสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้นเป็นลำดับ โดยมองว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วในไตรมาส 2/60 และจะฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง ซึ่งคาดจะเห็นการฟื้นตัวเป็นตัวเลขสองหลักในปีหน้า เป็นปัจจัยพื้นฐานสนับสนุนดัชนีฯ ทะลุ 1,700 จุดได้อย่างแน่นอน 
 
ด้านมุมมองของคุณถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ บอกว่าตลาดหุ้นไทยที่ขึ้นมารอบนี้ จะถูกผลักดันด้วยแรงซื้อนักลงทุนต่างชาติ ส่วนหนึ่งมาจากกองทุนที่ขายหุ้นในตลาดเอเชียเหนือแล้วนำมาพักในหุ้นไทย ขณะที่เงินบาทแข็งค่าเป็นปัจจัยหนุนสำคัญ  
 
นอกจากนั้น ในปลายปีนี้จะมีแรงซื้อในประเทศจากกองทุน LTF และ RMF ที่เข้ามาทุกปี มูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะมีให้เห็น เพราะเป้าดัชนีฯ ปีถัดไปมองไปที่ 1,720 จุด และกรณีที่มีฟันด์โฟลว์ไหลเข้ามาหนุนมาก จะอยู่ที่ 1,780 จุด ซึ่งมองว่าเป็นไปได้สูง  
 
ส่วนเรื่องอัพไซด์ฟันด์โฟลว์นั้น มองว่าต่างชาติขายหุ้นมาระดับหมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่เพิ่งจะกลับมาซื้อเมื่อปีที่แล้ว 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และปีนี้ 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มองว่ายังมีโอกาสไหลเข้าได้อีก โดยมีปัจจัยกระตุ้นคือการเลือกตั้งและการใช้จ่ายฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ  
 
คุณถนอมศักดิ์ ให้คำแนะนำการลงทุนในภาวะหุ้นไทยขึ้นมาเร็ว นักลงทุนต้องระวังมากขึ้น โดยให้ข้อสังเกตคือแม้ในตลาดหุ้นจะซื้อสุทธิ แต่ในด้านอนุพันธ์เปิดสถานะ "SHORT" ซึ่งเมื่อปิดสถานะเมื่อใดก็มีโอกาสที่ตลาดจะกลับมาร่วงลงได้ ดังนั้น การที่สัญญาณเทคนิค "Overbought" มาก ก็ควรขายทำกำไรไปบ้าง อย่ามั่นใจกับตลาดเกินไป แต่สำหรับนักลงทุนที่ตกรถก็ควรรอจังหวะตลาดย่อตัว หรือเลือกเก็งกำไรในหุ้น "Laggard" จะปลอดภัยที่สุด    
 
*********************************
ทีม Business&Finance, Money Channel 

Financial Investor