ทำความรู้จัก “DELTA” หุ้นแรงรับปี 2566 มูลค่ากิจการ 1.16 ล้านล้านบาท เบียด AOT ขึ้นอันดับ 1
เปิดศักราชปี 2566 วันที่ 3 มกราคม ตลาดหุ้นไทยคึกคัก ในระหว่างวันดัชนีพุ่งขึ้นสูงสุด 1,682.95 จุด หรือเพิ่มขึ้น 14.29 จุด เป็นผลมาจากหุ้น DELTA หรือ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) กลับเข้าคำนวณในดัชนี SET50 และดัชนี SET100 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 30 มิถุนายน 2566
หุ้น DELTA ปรับตัวขึ้นทำ All Time High ที่ 936 บาท หรือทำสถิติสูงสุดตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อ 24 กรกฏาคม 2538 หรือ 27 ปีก่อน อย่างไรก็ตามราคาหุ้นได้อ่อนตัวมาปิดตลาดที่ 930 บาท เพิ่มขึ้น 100 บาท (+12.05%) มีมูลค่าการซื้อขาย 12,550 ล้านบาท และมีปริมาณการซื้อขาย 13,989,096 หุ้น
มูลค่ากิจการ หรือ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของ DELTA ในวันที่ 3 มกราคม 2566 อยู่ที่ 1.16 ล้านล้านบาท แซงหน้าหุ้นสนามบินอย่าง บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) บริษัทที่มีมูลค่ากิจการอันดับหนึ่งของตลาดหุ้นไทย ซึ่งมีมาร์เก็ตแคป 1.07 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ยังแซงหน้าบมจ. ปตท. (PTT) ที่มีมาร์เก็ตแคป 935,438 ล้านบาท
พลังของหุ้น DELTA ข้อมูลจากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส ระบุว่าการเคลื่อนไหวของหุ้น DELTA ทุก 1 % ส่งผลต่อ SET50 ขยับถึง 0.84 จุด และ SET 0.85 จุด และคาดว่ามีโอกาสทำให้ดัชนีตลาดหุ้น และ SET50 กลับมาผันผวนมากขึ้น จึงทำให้นักลงทุนที่ซื้อขายหุ้นโดยตรง หรือซื้อขายสัญญา SET50 Futures ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในการลงทุนตั้งแต่ต้นปี 2566
ทั้งนี้ ในปี 2565 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปลี่ยนวิธีการคำนวณสำหรับดัชนี SET50, SET100 และ SETHD จากการใช้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเต็มรูปแบบ เป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ปรับแล้วแบบลอยตัวอิสระ เพื่อสะท้อนสภาวะตลาดในแง่ของสภาพคล่องได้ดีขึ้น และป้องกันการเก็งกำไรในหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำ

DELTA ประกอบธุรกิจ ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านการจัดการระบบกำลังไฟฟ้า (Power management solutions) รวมถึงชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์บางประเภท ได้แก่ พัดลมอิเล็กทรอนิกส์ (DC Fan) อีเอ็มไอ ฟิลเตอร์ (EMI) และโซลินอยด์ มีฐานการผลิตอยู่ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ได้แก่ เอเชีย ยุโรป และอเมริกาใต้
แจ็คกี้ จาง ประธาน DELTA กล่าวว่า นับตั้งแต่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2538 เดลต้า ประเทศไทย มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในความเป็นเลิศด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และได้รวมอยู่ในดัชนีชั้นนำของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และรายการการลงทุนเพื่อความยั่งยืนเป็นเวลาหลายปี การที่เดลต้าสามารถกลับเข้าสู่ดัชนี SET50 และ SET100 ในปี 2566 นี้ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ไม่เปลี่ยนแปลงของนักลงทุนที่มีต่อความมุ่งมั่นของบริษัทในการพัฒนาอย่างยั่งยืนและศักยภาพในการเติบโตในอนาคต
“แม้จะเกิดโรคระบาดและความท้าทายระดับโลกหลายประการ แต่เดลต้า ประเทศไทย ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปีผ่านความมุ่งมั่นของเราในการส่งมอบคุณค่าให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน ในปี 2564 บริษัทมีรายได้รวมเกินกว่า 2.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ เราจึงอยากขอบคุณผู้ถือหุ้นและนักลงทุนของเราเป็นอย่างยิ่งที่ให้ความไว้วางใจในเดลต้า ประเทศไทย”
แจ็คกี้ จาง ยังกล่าวอีกว่า ในฐานะบริษัทไทยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และพลเมืององค์กรระดับโลก เดลต้า ประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและเติบโตอย่างยั่งยืนเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับนักลงทุนและสังคม