ห้องเม่าปีกเหล็ก

Energy and Petro สรุปงบ 2Q68: แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

โดย ทางของเสือ
เผยแพร่ :
85 views

Energy and Petro สรุปงบ 2Q68: แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

• กำไรไตรมาส 2/2568 ดีกว่าคาด 50% กำไรรวมไตรมาส 2/2568 ของบริษัทกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี 13 แห่งภายใต้การวิเคราะห์ของเราอยู่ที่ 4.88 หมื่นลบ. ลดลง 8% YoY แต่เพิ่มขึ้น 5% QoQ สูงกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ 50% สาเหตุหลักมาจากการรับรู้กำไรพิเศษที่เกี่ยวข้องกับ Chandra Asri (CAP) และการซื้อหุ้นคืนหุ้นกู้ของ SCC และ TOP ตามลำดับ โดยกำไรไตรมาส 2/2568 ที่น่าผิดหวังที่สุดคือ BANPU OR SPRC และ IVL ผลประกอบการเหล่านี้บ่งชี้ว่า 1) อุตสาหกรรมพลังงานและปิโตรเคมีจะยังคงอยู่ในช่วงที่ยากลำบาก 2) รายการพิเศษเป็นปัจจัยขับเคลื่อนกำไรของทั้ง 2 กลุ่มธุรกิจนี้ และ 3) กำไรของบริษัทน้ำมันต้นน้ำ กลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ และบริษัทค้าปลีกน้ำมันยังคงเป็นบวก แม้จะมีปัจจัยความไม่แน่นอนสูง

• ภาพรวมอุตสาหกรรมไตรมาส 3/2568 จะหนุนการฟื้นตัวของกำไรปกติ PTTGC จะเป็นบริษัทเดียวที่รายงานกำไรไตรมาส 3/2568 ปรับตัวดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ แม้ว่าจะอยู่ในภาวะขาดทุนสุทธิต่อเนื่อง อันเป็นผลจากไม่มีค่าใช้จ่ายในการด้อยค่าที่สำคัญและได้รับประโยชน์จากแผนปรับปรุงประสิทธิภาพและลดต้นทุน ในขณะเดียวกัน ภาพรวมอุตสาหกรรมสนับสนุนการฟื้นตัวของกำไรปกติของ PTTEP BCP และ BSRC ในไตรมาสนี้ นอกจากนี้ สำหรับรายการพิเศษ บริษัทที่มีโอกาสสูงที่จะประกาศกำไรพิเศษจากการแปลงสินทรัพย์เป็นเงินในไตรมาส 3/2568 ได้แก่ PTT (ขายหุ้น 2% ใน Lotus Pharmaceutical) และ SCC (ขายหุ้น 10.57% ใน CAP)

• การปรับกำลังการผลิตจะมีผลในอีก 6-12 เดือนข้างหน้า มีความเป็นไปได้สูงที่จุดต่ำสุดของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีจะเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น 1-2 ปี หรือจากปี 2571 ไปเป็นปี 2569-70 จากการปรับลดกำลังการผลิตในเกาหลีใต้ (2.7-3.7 ล้านตันต่อปี) รวมถึงการยกเลิกกำลังการผลิตโอเลฟินเก่าในจีน (5.2 ล้านตันต่อปี) อันเป็นผลมาจากนโยบายต่อต้านการแข่งขั้นที่รุนแรง (anti-involution) ของจีน ทั้งนี้ หากอิงจากการคาดการณ์อุปสงค์และอุปทานล่าสุดของอุตสาหกรรม พบว่ามีอุปทานส่วนเกินประมาณ 15 ล้านตันในช่วงปี 2568-71 ดังนั้น การปรับลดกำลังการผลิตเหล่านี้คิดเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของอุปทานส่วนเกินในช่วงปี 2568-71

Recommendation

• เราคงมุมมองเชิงลบต่อกลุ่มพลังงาน จากอุปทานน้ำมันดิบล้นตลาด อันเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงและการลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจของกลุ่มโอเปก+ ที่เร่งตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม เราเปลี่ยนหุ้นเด่นของกลุ่มพลังงานจาก PTT เป็น TOP อย่างเป็นทางการ เนื่องจาก 1) มูลค่าหุ้นที่ไม่แพง โดยคำนวนด้วย PBV ปี 2569 ที่ 0.40 เท่า เทียบกับบริษัทคู่แข่งในประเทศที่ 0.50 เท่า 2) ความคาดหวังที่ว่าจะได้รับประโยชน์มากกว่าจากการแปลงสินทรัพย์เป็นเงิน และ 3) โอกาสที่โครงการ CFP จะไม่เกิดขึ้นจริงมีน้อยลง

• ปรับเพิ่มมุมมองต่อกลุ่มปิโตรเคมีจาก “เชิงลบ” เป็น “เป็นกลาง” เนื่องจากการปรับลดกำลังการผลิตที่กำลังจะเกิดขึ้นน่าจะเร่งให้อุตสาหกรรมแตะระดับต่ำสุดเร็วขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิด upside ต่อราคาและส่วนต่างราคาปิโตรเคมีภัณฑ์ในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า ดังนั้นเราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำสำหรับ SCC จาก “ขาย” เป็น “ซื้อ” และเพิ่ม SCC เป็นอีกหนึ่งหุ้นเด่นในกลุ่มธุรกิจนี้ นอกจาก PTTGC ในขณะที่ เราตัด IVL ออกหุ้นเด่นของกลุ่ม เนื่องจากผลประโยชน์ที่ได้จากแผนการแปลงสินทรัพย์เป็นเงินสดทำได้ช้ากว่าและให้ผลตอบแทนที่น้อยกว่า

 


ทางของเสือ