ห้องเม่าปีกเหล็ก

คนทั่วไปยัง " โง่ " อยู่!

โดย ศักดิ์
เผยแพร่ :
66 views

" เพื่อนของ " เพื่อนผู้รู้ใจ " " ให้ความเห็นเกี่ยวกับ Fed ดังนี้ คือ :

" ปัญหาเดียวที่มีอยู่สําหรับเศรษฐกิจของเราตอนนี้ก็คือ Fed พวกเขาไม่เข้าใจความรู้สึกของตลาด พวกเขาไม่เข้าใจความจําเป็นของการทํา " สงครามการค้า " หรือ "  ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาที่แข็ง " หรือ " การที่พรรค Democrat ต้องการ Shutdown สําหรับงบประมาณสร้างกําแพงกั้นชายแดน "  พวกเขาเหมือนนัก Golf ผู้มีอํานาจ แต่ไม่เคยทําคะแนนได้เพราะไม่เคยลงมาสัมผัสของจริง -ไม่สามารถแม้แต่จะพัดลูกลงหลุมได้ ด้วยซํ้าไป! "

ทําไม " เพื่อนของ " เพื่อนผู้รู้ใจ " " จึงบอกว่า "  Fed  " ใช้ข้อมูลบนโต๊ะทํางานในทางทฤษฎีเท่านั้น และไม่เคยสัมผัสกับชีวิตจริงๆและทฤษฎีที่ใช้ก็เป็นทฤษฎีเก่าๆที่ล้าสมัยและใช้ไม่ได้แล้วในปัจจุบันนั้น มีหมายความว่าอย่างไร? 

ตามความเห็นของ " เพื่อนของ " เพื่อนผู้รู้ใจ " " นั้น ในอดีตนักเศรษฐศาสตร์มักจะใช้ทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ที่เรียกว่า " Demand-Side Economics " ซึ่งใช้ตัวเลขอุปสงค์มาเป็นปัจจัยสําคัญในการกําหนดและคาดการณ์สภาวะเศรษฐกิจ เพื่อปรับดอกเบี้ย Fed Fund Rate แต่ปัจจุบันทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ได้เปลี่ยนไปเป็น " Supply-Side Economics " ซึ่งจะใช้ฝั่งอุปทานมาเป็นปัจจัยสําคัญในการกําหนดและคาดการณ์สภาวะเศรษฐกิจ เพื่อปรับขึ้นดอกเบี้ย Fed Fund Rate 

คําว่า Supply-Side นี้จะหมายถึงการสร้างผลิตภัณพ์ที่มีคุณภาพดีขึ้นมา และกระตุ้นให้ผู้คนมีการใช้ผลิตภัณฑ์นั้นๆ และผลิตภัณฑ์นั้นๆจะเป็นตัวกําหนดความต้องการและความนิยมของตลาดเองเมื่อผู้คนใช้แล้วดีและมีคุณภาพ เช่น Apple สร้าง Iphone ขึ้นมาแล้วเอาไปให้คนลองใช้ดู แล้วผู้คนก็นิยมตามมาเพราะเป็นสินค้าที่มีคุณภาพดีและมีการใช้จนเป็นสินค้าที่ติดตลาด ทั้งๆที่แต่ก่อนหน้านั้น ไม่มีไครใช้และรู้จัก Iphone เลย แล้วผลที่ตามมาจึงทําให้ Apple ซึ่งเป็นบริษัทฯเล็กๆในอดีต กลายเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อเร็วๆนี้ และไม่ไช่เฉพาะ Iphone อย่างเดียว ยังมีผลิตภัณฑ์อีกมากมายที่เข้าข่ายนี้ ซึ่งทําให้บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกในแง่มูลค่าตามราคาตลาด 5 บริษัทฯ แรกเป็นบริษัทฯที่เกี่ยวกับ Search Engine, Computer Software, E-Commerce และ Social Medias ทั้งนั้นน่ะ คร๊าบ พี่น้อง!

การใช้ทฤษฎีทางเศรษฐศาตร์สมัยเก่าทําให้คํานวนเงินเฟ้อใด้ 2% แล้วก็กลายเป็นเงินเฟ้อเป้าหมายที่จะต้องปรับดอกเบี้ย Fed Fund Rate แต่แท้ที่จริงแล้ว เงินเฟ้อไม่ถึง 1.5% เลย และไม่สมควรปรับดอกเบี้ย Fed Fund Rate ด้วยซํ้าไป

เป็นต้น

ความรอบรู้ของ " เพื่อนของ " เพื่อนผู้รู้ใจ " " นั้น ยากที่คนธรรมดาจะเข้าใจเพราะคนธรรมดามีระดับมันสมองที่จะคิดไปยังไม่ถึงขั้นที่จะดูออกหรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือคนทั่วไปยัง " โง่ " อยู่ จึงไม่เข้าใจ 

หมายเหตุ : 1) ที่มาจาก ( @realDonaldTrump  )

                 2) “ เพื่อนผู้รู้ใจ  รู้ดีว่า " นายตลาดตัวจริงเสียงจริงอย่างเอะอะ โผงผาง ไม่อยู่กับร่องกับรอย " เป็นคนเดียวในโลกนี้ที่ปั่นหุ้นและทุบหุ้นได้โดยไม่ผิดกฏหมาย  และ ก.ล.ต ก็ไม่สามารถจะเล่นงาน " เพื่อนของ “ เพื่อนผู้รู้ใจ “ ผู้นี้ " ได้ด้วย และที่สําคัญ เพื่อนของ “ เพื่อนผู้รู้ใจ “ ผู้นี้  " ไม่มีความจําเป็นที่จะต้องไปสอบและมีใบอนุญาติในการปั่นหุ้นและทุบหุ้นจากสถาบันการเงินใดๆทั้งสิ้นในโลกใบนี้ ให้เป็นการเสียเวลานะ คร๊าบ! พี่น้อง!

                3) คําว่า " Supply-Side Economics " นั้น โดยข้อเท็จจริงแล้วเป็นนโยบายการลดภาษีและการลดขั้นตอนและระเบียบของทางรัฐบาล เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงสินค้าในราคาถูกลงเพราะมีการผลิตสินค้าที่มากขึ้นและมีการจ้างงานที่มากขึ้น โดยเริ่มต้นในสมัยประธานาธิบดี " Ronald Reagan  โดยนักเศรษฐศาสตร์มหภาคชื่อ " Robert Mundell " ซึ่งจะทําให้เศรษฐกิจดีขึ้นเพื่อนํามาใช้ทดแทน " Demand-Side Economics " ซึ่งใช้ไม่ได้ผลในระยะหลังๆ ส่วนตัวอย่างที่ยกมาข้างต้นเกี่ยวกับ Iphone นั้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่มากขึ้นเท่านั้น และนโยบายลดภาษีและลดขั้นตอนและระเบียบของทางรัฐบาลนี้ " เพื่อนของ " เพื่อนผู้รู้ใจ " " ก็ได้นํามาบริหารประเทศด้วย โดยเป็นหนึ่งในนโยบายหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจ 

                4) ส่วนคําว่า  " Demand-Side Economics " นั้น ผู้ให้กําเนิดทฤษฎีนี้ก็คือ " Sir John Maynard Keynes " และผู้ที่นํามาปฏิบัติแล้วได้ผลคือประธานาธิบดี " Franklin D. Roosevelt " ในโครงการ " New Deal " เพื่อกอบกู้เศรษฐกิจที่ตกตํ่าในช่วง "  The Great Depresssion " ในปี ค.ศ 1929

 

 


ศักดิ์