ห้องเม่าปีกเหล็ก

เจาะธุรกิจไฮซีซั่น 3 หุ้นค้าปลีกยักษ์ใหญ่

โดย ทางของเสือ
เผยแพร่ :
287 views

เจาะธุรกิจไฮซีซั่น 3 หุ้นค้าปลีกยักษ์ใหญ่

กำไรไตรมาส 4 กอดคอทำจุดสูงสุดของปี !!

.

ปกติช่วงปลายปีมักจะเป็นไฮซีซั่นของหลายกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มค้าปลีก เพราะเป็นช่วงเทศกาล ทำให้ผู้บริโภคมีการจับจ่ายใช้สอยมากกว่าช่วงอื่นๆ ประกอบกับปีนี้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวในไทยมากขึ้น อีกทั้งยังมีการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ทำให้บรรยากาศภายในประเทศคึกคัก ยิ่งสนับสนุนให้การจับจ่ายของผู้บริโภคขยายตัวได้ต่อเนื่อง

.

ซึ่งวันนี้ Wealthy Thai ก็มีคาดการณ์ไตรมาส 4/65 และแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2565 ของหุ้นใหญ่กลุ่มค้าปลีก 3 ตัว ได้แก่ CPALL, MAKRO และ BJC มาฝาก มาดูกันว่าช่วงโค้งสุดท้ายของปี แต่ละหุ้นจะได้รับผลบวกที่ช่วยหนุนการเติบโตมากแค่ไหน

.

มาเริ่มที่ CPALL หรือ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เจ้าของร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ที่หลายคนน่าจะเคยใช้บริการ โดยบล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มไตรมาส 4/65 คาดกำไรปกติจะทำจุดสูงสุดของปี 65 เติบโตต่อทั้งจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า

.

ตามไฮซีซั่นของธุรกิจ การท่องเที่ยวจะเป็นจุดสูงสุดปี หนุนสาขาในจังหวัดท่องเที่ยวให้เติบโตดี โดย CPALL และ MAKRO มีสาขาในพื้นที่ดังกล่าวคิดเป็น 10% ของสาขาทั้งหมด และร้าน 7-Eleven ที่จะได้อานิสงส์ปรับราคาขายสินค้าขึ้นเต็มไตรมาส โดยขึ้นราคาขาย All café เมนูละ 5 บาท ตั้งแต่ 24 ก.ย. 65 หนุนให้ยอดขายต่อสาขา (SSSG) ในเดือนต.ค. 65 ของ CPALL เติบโตมากกว่า 10% และ MAKRO เติบโต 8-9%

.

ฝ่ายวิจัยจึงคงประมาณการกำไรปกติปี 2565 ของ CPALL ที่ 1.48 หมื่นล้านบาท โต 70% และคาดปี 2566 จะขยายตัวอีก 45% เป็น 2.15 หมื่นล้านบาท และคาดปี 2567 ขยายตัวอีก 45% จึงคงแนะนำ ซื้อ มีราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 72 บาท และปรับขึ้นมาเป็นหุ้นเด่นรองลงมาคือ BJC และ CRC

.

ถัดมา MAKRO หรือ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ศูนย์จำหน่ายสินค้าแบบขายส่ง และมี CPALL เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยบล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า ประเมินกำไรปกติในไตรมาส 4/65 จะทำจุดสูงสุดของปีที่บริเวณ 2.2-2.3 พันล้านบาท โต 40% จากไตรมาสก่อนหน้า ตามอานิสงส์ไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว

.

โดย SSSG เดือนต.ค. พลิกกลับมาบวก ทั้ง MAKRO ที่เพิ่มขึ้น 5-8% และโลตัสส์ เพิ่มขึ้น 1% ขณะที่คาดอัตรากำไรขั้นต้นก็จะปรับตัวขึ้นต่อตาม Product mix อย่างไรก็ดี กำไรไตรมาส 4/65 หากเทียบไตรมาสเดียวกันของปีก่อนคาดจะปรับลง เพราะถูกแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายดำเนินงาน เช่น ผลกระทบค่า FT ปรับขึ้นเต็มไตรมาสเกิดรายจ่ายค่าไฟส่วนเพิ่มราว 85-100 ล้านบาทต่อเดือน , รายจ่ายการทำการตลาดช่องทางออนไลน์ รวมถึงค่าใช้จ่ายการทำ Refinance ที่จะเร่งขึ้น

.

ดังนั้น ฝ่ายวิจัยจึงปรับกำไรปกติปี 2565 ลง 6% มาอยู่ที่ 7.5 พันล้านบาท หรือเติบโต 4% ปี 2566 ลง 11% เป็น 1.3 หมื่นล้านบาท และปี 2567 ลง 7% เป็น 1.5 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม คาดกำไรสุทธิในปี 2566 จะเติบโตภึง 75% หลังทยอยรับรู้ synergies ระหว่างธุรกิจค้าปลีกค้าส่งมากขึ้น แนะนำ ซื้อ โดยปรับลดราคาเป้าหมายปีหน้าลงเล็กน้อยเหลือ 40 บาท จากเดิม 41 บาท

.

สุดท้าย BJC หรือ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) เจ้าของแบรนด์สินค้าอุปโภคและบริโภคหลายรายการ รวมถึงห้างสรรพสินค้า Big C โดยบล.พาย ระบุว่าคาดกำไรไตรมาส 4/22 แตะจุดสูงสุดของปีนี้ จาก 1. กำไรโมเดิร์นเทรดที่ฟื้นตัวดี จากยอดขายในย่านท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้นและการมอบส่วนลดค่าเช่าที่น้อยลง และ 2. กำไรธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ฟื้นตัวขึ้นจากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง

.

ประเมินเดือนธ.ค. 65 คาดว่า SSSG ของ Big C จะพลิกเป็นบวกจากยอดขายที่สูงขึ้นจากกิจกรรมฟุตบอลโลก ส่งผลให้ภาพรวมไตรมาส 4/65 SSSG จะฟื้นตัวดีขึ้นและทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามสถานการณ์อุทกภัยที่ดีขึ้น รวมถึงยอดขายย่านท่องเที่ยวที่สูงขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าปี 2565 จะกำไรสุทธิอยู่ที่ 4.6 พันล้านบาท เติบโต 29.76% จากปีก่อน ดังนั้น คงคําแนะนํา ซื้อ ราคาเป้าหมายที่ 40 บาท

 

 


ทางของเสือ